มาต่อกันที่วันที่ 2 ของการเดินทางค่ะ เช้านี้ตื่นเก็บของ เช็คเอาท์ เดินทางไปเที่ยวเมืองมรดกโลก
ที่มะละกา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้กันค่ะ ^^
เช็คเอาท์ออกมาเรียบร้อย วันนี้วันพฤหัส คนไม่ค่อยพลุกพล่าน สำหรับสถานีรถไฟฟ้า KL Sentral ที่อยู่ในห้าง Nu sentral mall นั้น ทางห้างจะเปิดประตูให้เราเข้าไปได้ค่ะ แต่ร้านต่างๆในห้างก็ยังปิดไว้อยู่
ออกมาเกือบ 9 โมง จากนั้นก็จะไปท่ารถ TBS ค่ะ เป็นท่ารถไปต่างจังหวัดของ KL ประมาณหมอชิตไรงี้
เด๊่ยวไปดูกันว่า บขส.ของKL จะเป็นอย่างไรกันบ้าง
นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี Bandar Tasik selatan ค่ะ เราเลือกนั่ง KLIA transit ค่ะ เพราะนั่งมาแค่สถานีเดียวก็ถึงแล้ว แต่ค่าโดยสารจะแพงนิดนึงค่ะ 6.5 ริงกิต
วิธีซื้อตั๋วของ KLIA transit คือเดินไปแจ้งพนักงานที่เคาท์เตอร์เลยค่ะ ให้เค้าออกตั๋วให้
ได้มาแล้ว ตั๋วของ KLIA transit ตั๋วสมบุกสมบันนิดนึง ^^
แตะบัตรแล้วเดินลงบันไดเลื่อนมารอรถไฟด้านล่างเลยค่ะ
มีรถไฟมาจากชานชาลา ฝั่งตรงข้าม รถไฟดูดีเชียวค่ะ
แล้วรถไฟของเราก็มา ขึ้นมาแล้วนั่งตรงไหนก็ได้ค่ะ ใหม่ สะอาด แอร์เย็น
นั่งมาแค่ 1 สถานีก็มาถึง สถานี Bandar Tasik Selatan ค่ะ จากนั้นก็สอดบัจรแล้วเดินทางมาตามทางจะมีทางเชื่อมมาที่ตัวอาคารที่เป็น ท่ารถ TBS เข้ามาแล้ว ดูใหม่มาก สะอาด มีจอแสดงเที่ยวรถต่างๆ
ทำเหมือนสนามบินเลยค่ะ
มาถึงแล้วไม่ต้องซีเรียสค่ะ เดินไปเคาท์เตอร์ไหนก็ได้ บอกเจ้าหน้าที่ว่าเราจะไปไหน เค้าจะหารอบรถที่เร็วที่สุดให้เราค่ะ อย่างเราไปมะละกา ได้รถเร็วสุดรอบ 10 โมง ค่ารถ 10 ริงกิตค่ะ ไปจอดที่ ท่ารถ Melaka Sentral ตอนซื้อเค้าจะขอดูพาสปอร์ตด้วยนะคะ
ได้ตั๋วมาแล้ว แวะไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ไปขึ้นรถกันค่ะ เดินลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่าง ก็จะเป็นที่นั่งรอรถ แบบนี้ รถเราขึ้นรถที่ Gate 2 ค่ะ เดินไปที่เกทกัน
ใกล้ๆเวลารถจะวนเข้ามารับค่ะ ตอนนี้รถมาแล้ว เรียกขึ้นรถแล้วค่ะ ตั๋วจะมีบาร์โค้ดค่ะ เจ้าหน้าที่จะสแกนตั๋ว แล้วก็คืนตั๋วให้เรา แล้วเราก็เดินมาขึ้นรถค่ะ ถ้าใครยังไม่มา เค้าก็จะประกาศ Final call เรียกขึ้นรถค่ะ
เพราะเค้ามีชื่อผู้โดยสารอยู่แล้ว ระบบเค้าดีมากเลยค่ะ ทำเหมือนขึ้นเครื่องบินเลย
อันนี้กำลังบอร์ดดิ้ง ^^
ขึ้นมาบนรถนั่งตามที่นั่งในตั๋วนะคะ บนรถไม่มีห้องน้ำ เบาะใหญ่นั่งสบาย รอบนี้คนเต็มรถค่ะ ระหว่างเดินทาง เห็นคนขับเอาหนังสือพิมพ์มาวางไว้ให้ด้วยค่ะ ใครอยากอ่านก็มาหยิบไป แต่ไม่รู้แจกฟรีรึเปล่า หรือให้ยืมอ่านค่ะ แหะๆ นั่งเพลินๆก็มาถึง บขส.ของมะละกาค่ะ เราก้เดินงงๆ ตามคนข้างหน้ามา แล้วก็หลง ฮ่าๆ เลยไปถามเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ว่ารถเมล์สาย 17 ขึ้นตรงไหน ต้องต่อรถเมล์เข้าไปในเมืองอีกค่ะ แล้วก็เดินวนๆ มาขึ้นรถเมล์สาย 17 ไม่ค่อยชัวร์เท่าไหร่ เลยถามนักท่องเที่ยวที่เข้าแถวอยู่หน้าเรา ว่าคันนี้ไป Christ church มั้ย? เหมือนเค้าก็งงๆ กับเรา จนมีพี่ผู้ชายคนข้างๆมาทักเราว่า"เป็นคนไทยรึเปล่า?" เราก็ค่ะ คนไทย พี่เค้าก็เป็นคนไทย มาเที่ยวเหมือนกัน ให้ขึ้นคันนี้แหละ ค่ารถ 1.5 ริงกิตค่ะ
จ่ายกับคนขับเลย พี่ไอซ์ออกให้ "ขอบคุณค่าา" ^/\^
*รถจะออกค่อนข้างช้านะคะ รอนานเหมือนกันกว่าจะได้ขึ้นรถ ฮ่าๆ
นั่งมาเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหลง นักท่องเที่ยวจะลงเกือบหมดรถ รถจะมาจอดที่หน้าโบสถ์คริสต์สีชมพูๆแดงๆ ที่เราเห็นเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ค่ะ มาถึงบ่ายโมงกว่าพอดี แดดที่มะละการ้อนได้ใจจริงๆ
เราหนักกระเป๋าค่ะ เลยจะเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมก่อน ทริปนี้ไม่มีเน็ท พี่ไอซ์ใจดี เสิร์ชกูเกิ้ลให้แล้วพามาฝากกระเป๋าที่โรงแรมค่ะ วันนี้พักที่ Hotel Hong ค่ะ เห็นในรีวิวค่อนข้างดีเลย ใกล้กับถนน Jonker ถนนคนเดินของที่นี่ เราจองผ่าน booking.com ค่ะ ไม่มีมัดจำ
ถึงแล้ว Hotel Hong
ค่าห้อง 62 ริงกิตค่ะ ประมาณ 500 บาท เป็นเตียงคู่ ห้องเล็กน่ารัก สะอาด มีแอร์/พัดลม มีผ้าเช็ดตัว แชมพู สบู่ให้ค่ะ ตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไปค่ะ
ห้องน้ำสะอาด
มีทีวีด้วย แต่ไม่ได้เปิดดูเลย ฮ่าๆ
เก็บกระเป๋าไว้ที่ห้องแล้ว จากนั้นก็ไปหาอะไรทานค่ะ เรายังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า
มาที่มะละกา เรคคอมเมนด์ต้องกิน Chicken rice ball ว่างั้นนะ แต่ร้านดังนั้น แถวยาวออกมานอกร้านเลยค่ะ แต่เราไม่ซีเรียส ร้านไหนก็ได้ เลยได้มากินร้านตรงข้ามกับ H&M ตรงแยกถนน Jonker ค่ะ
ได้มาแล้ว Chicken rice ball แปลเป็นไทยว่าไงดี แต่แบบที่เราเข้าใจคือ ลูกชิ้นข้าวค่ะ เอาข้าวมาทำเป็นลูกชิ้น รสชาติก็เหมือนกับข้าวที่เราทานเป็นเม็ดนั่นแหละค่ะ แต่จะแปลกๆที่เค้าเอามาปั้นเป็นก้อนแบบนี้ ^^
ทานเสร็จก็ไปเดินเล่นค่ะ เราก็ไปกับพี่ไอซ์นี่แหละค่ะ ฮ่าๆเริ่มเดินลัดเลาะไปเรื่อยค่ะ ขึ้นไปบนเนินเขาเป็นซากโบสถ์เซนต์ปอลกันค่ะ แดดที่มะละกานี่ร้อนเอาเรื่องจริงๆ แผดเผาสุดๆค่ะคุณผู้ชม!! ><
ขึ้นมาด้านบนเป็นแบบนี้ค่ะ
ทะเลที่เห็นตรงหน้านั่นคือ ช่องแคบมะละกา ในตำนานค่ะคุณผู้ชม!! เดี๋ยวเราจะไปขึ้นหอคอย ที่อยู่ตรงนู้นไปชมวิวเมืองมะละกากันค่ะ
มาดูภายในโบสถ์กันบ้าง
ตรงนี้ทำไมเค้าถึงโยนเงินลงไปก็ไม่ทราบเหมือนกัน ><
\
จากนั้นก็ไปขึ้นหอคอยชมวิวกันค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในมะละกา อยู่ไม่ไกลกันมากค่ะ เดินไปเรื่อยๆก็เก็บครบหมด แต่ถ้ามาตอนบ่ายๆ ต้องอึดนิดนึงค่ะ เพราะแดดแรงม๊าก ><
เดินมาถึงหอคอยแล้วค่ะ เรียกว่า หอคอย Menara Taming Sari หอคอยนี้จะหมุนได้รอบเลยค่ะ ทำให้เราสามารถชมวิวมะละกาได้อย่างสุดลูกหูลูกตา
เดี๋ยวเดินไปซื้อตั๋วกันค่ะ ค่าตั๋วคนละ 23 ริงกิตค่ะ มีน้ำดื่มให้ด้วย 1 ขวด
รอคิวขึ้นหอคอยค่ะ เกือบบ่ายสามแล้ว ตอนนี้ร้อนมาก ><
เข้ามานั่ง แล้วก็รอค่ะ ไม่นานประมาณ 10-15 นาที หอคอยก็ยกตัวขึ้นมาด้านบน แล้วก็หมุนช้าๆให้เราได้ชมวิว และสิ่งที่อยากเห็นก็คือ "ช่องแคบมะละกา" ค่า อยู่ตรงหน้านี่เอง ><
มาดูวิวเมืองมะละกากันบ้าง
"ที่นี่..มะละกา" ^^
ข้างๆหอคอยมีสระว่ายน้ำด้วยค่ะ
เมืองมะละกากันบ้าง สีเขียวๆคือ แม่น้ำมะละกาค่ะ
หมุนอยู่ไม่นาน ประมาณ 5-7 นาทีก็ลงมาข้างล่างค่ะ ถ้าใครมาแบบ one day trip ก็ขึ้นมาชมวิวด้านบนนี้ก็ได้นะคะ จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปตามแม่น้ำมะละกา น้ำที่นี่ สะอาดดีค่ะ
เดินมาถึงสะพาน กับมุมสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องถ่าย
แล้วก็เดินมาเก็บตกที่หน้าโบสถ์คริสต์
อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของมะละกานั้นคือ "รถสามล้อ"ค่ะ จะแต่งเป็นธีมการ์ตูนต่างๆ อย่างคันนี้ก็มินเนี่ยน
มีโปเกมอน คิตตี้ โดเรมอน และอีกเยอะเลยค่ะ ระหว่างที่นั่ง คนปั่นก็จะเปิดเพลงดังมากๆเลยค่ะ ^^ ใครเห็นเป็นต้องอมยิ้มค่ะ
จากนั้นก็แยกกันกับพี่ไอซ์ค่ะ พี่เค้ามาแบบ One day trip ค่ะ เดี๋ยวรอรถเมล์กลับไปที่ท่ารถ เพื่อนั่งรถกลับ KL ส่วนเราก็เพลียร่างสุดๆ เดินกลับไปที่โรงแรมค่ะ ไปพักผ่อน เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยว่ากันใหม่
เดินมาทางถนน Jonker ค่ะ
ถ้ามาเที่ยวมะละกาวันศุกร์/เสาร์/อาทิตย์ จะมีถนนคนเดินตอนกลางคืนด้วยนะคะ แต่เรามาวันพฤหัส
คืนนี้ไม่มีถนนคนเดินค่ะ
กลับมาที่มาเลเซียครั้งนี้ ไม่ลืมที่จะทานเครื่องดื่มสุดโปรดค่ะ "คิกคาปู้"นั่นเอง ^^
ถึงห้อง ถึงกับต้องอาบน้ำใหม่ค่ะ แล้วก็พักผ่อน รอเย็นๆ เราอยากไปมัสยิดเซลัทค่ะ เห็นในรูปแล้วสวยดี แต่อยู่ไกล ไปยาก เดี๋ยวลองไปถามพนักงานที่โรงแรมดูว่าจะไปได้ยังไงบ้าง
ออกจากห้องมาตอนห้าโมงครึ่งค่ะ ลงมาถามพนักงานต้อนรับด้านล่าง เอารูปให้เค้าดูว่าอยากไปที่นี่
เค้าบอกให้รอที่นี่ เดี๋ยวเจ้าของที่พักจะพาไปส่ง แต่ต้องรออีกครอบครัวนึงด้วย เพราะพวกเค้าก็จะไปเหมือนกัน ไม่มีค่าใช้จ่ายค่า ฟรี!นั่นเอง ใจดีมากๆเลยค่ะ ^^ Terima Kasih ค่า -/\-
นั่งรอจนถึง หกโมงค่ะ แล้วเจ้าของรร.ก็ขับรถมารับ มีครอบครัวคนจีน ลุง-ป้า-หลาน 3 คน นั่งรถมาด้วยกัน
เค้าก็คุยภาษาจีนกันค่ะ แต่เราพูดจีนไม่ได้ ก็นั่งรถไปเพลินๆ มัสยิดเซลัท เป็นมัสยิดที่สร้างอยู่ติดริมทะเล ถ้ามาตอนเย็นจะสวยมากค่ะ ได้ดูพระอาทิตย์ตกด้วย ระหว่างทางไป ได้ดูบ้านเมืองที่นี่ด้วย นั่งรถออกมาไกลเหมือนกัน ประมาณ 15-20 นาที
กว่าจะถึงมัสยิด ทางเข้าค่อนข้างเปลี่ยวเลยค่ะ เจ้าของพามาส่ง แล้วบอกว่าเดี๋ยวทุ่มนึงจะมารับพวกเรา เค้าต้องไปรับลูกค้าที่ท่ารถด้วย เดี๋ยวกลับมาใหม่
ถึงแล้วค่ะ "มัสยิดเซลัท" ( Masjid Selat Melaka) : The Malacca Straits Mosque
ตรงนี้ เงียบ สงบมากค่ะ ไม่วุ่นวาย พลุกพล่าน
ด้านหน้าเรา คือ ช่องแคบมะละกาค่ะ มีเรือลำใหญ่จอดอยู่
มีทั้งคนท้องถิ่น แล้วก็นักท่องเที่ยวค่ะ อีกฝั่งหนึ่งก็มีนักท่องเที่ยวที่เป็นนักถ่ายภาพ ตั้งกล้องถ่ายจริงจังเลยค่ะ
มาดูแบบพาโนราม่าบ้าง
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
เย็นๆมีคนมานั่ง มีนักท่องเที่ยวเริ่มมา จะมากับกรุ๊ปทัวร์ค่ะเป็นรถบัสคันใหญ่ แล้วก็มีแบบที่นั่งแท็กซี่มา แต่แท็กซี่เราไม่ทราบราคานะคะ
เริ่มค่ำแล้วค่ะ ถ้ากลางคืนน่าจะสวยไปอีกแบบ แต่ต้องกลับแล้วค่ะ เจ้าของรร.มารับพวกเราแล้ว
ถ้ามามะละกา แล้วมีโอกาส
"มัสยิดเซลัท"ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่ามาเยือนนะคะ สำหรับเราประทับใจที่นี่มากเลยค่ะ ^^
จากนั้นก็นั่งรถกลับมาที่โบสถ์คริสต์ค่ะ เราขอให้เจ้าของมาส่งที่นี่ เพื่อถ่ายรูปตอนกลางคืน
ตอนกลางคืนที่นี่ไม่พลุกพล่านเท่าตอนกลางวันค่ะ สามล้อถีบก็ยังมีให้บริการนะคะ กลางคืนนี่ เปิดไฟเปิดเพลง ชุดใหญ่ไฟกระพริบมากๆค่ะ ^^
I Love Melaka.
แม่น้ำมะละกา ตอนกลางคืนมั่ง บรรยากาศเหมาะแก่การนั่งชิวมากค่ะ
สองทุ่มกว่าแล้ว ที่นี่จะเงียบๆ เหมือนปีนังค่ะ แต่น่าจะเงียบกว่า คืนนี้ไม่มีถนนคนเดินด้วย ร้านต่างๆก็ปิดหมดแล้ว หาข้าวกินยากนิดนึงค่ะ >< เดินกลับที่พักกันค่ะ
มุมนี้ ตอนกลางคืนมั่ง ร้านฝั่งซ้ายมือสุดเป็น Hard Rock ค่ะ
เดินผ่านถนน Jonker พรุ่งนี้วันศุกร์ ถนนเส้นนี้คงจะคึกคักมาก
มื้อเย็นเราฝากท้องไว้กับ 7-11 ค่ะ ข้าวเวฟที่นี่มีให้เลือกไม่กี่อย่าง เราเลยเลือก Nasi Lemak ค่ะ
ทานข้าวเสร็จ เล่นเน็ท แล้วก็อาบน้ำนอนค่ะ พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปเดินเล่นเก็บตกกันค่ะ ^^ แล้วก็เตรียมกับ KL กัน ไม่อยากกลับเลย มะละกาเป็นเมืองน่ารัก ^^
โปรดติดตามตอนต่อไป Part 3 Melaka -KL >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2017/02/kl-part-3-melaka-kl.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น