บินเดี่ยวเที่ยวสิงคโปร์ : Birthday trip in Singapore Part 1

สวัสดีค่ะ

ไปเที่ยวกลับมาอีกแล้วมีรีวิวมาฝากค่ะ เผื่อเป็นไอเดียสำหรับเพื่อนๆที่ต้องการไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองค่ะ นี่ไม่ใช่การไปสิงคโปร์ครั้งแรกของเรา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3แล้ว แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยคือเราบินไปสิงคโปร์ในวันเกิดเราพอดี เป็นการฉลองวันเกิดที่ต่างประเทศครั้งแรกเลย ^^

15 สิ่งที่ควรรรู้ก่อนแบ็คแพ็คไปสิงคโปร์ จากคนไปมาแล้ว 6 รอบ ^^ >> https://www.facebook.com/Journeyofarrow/photos/a.1161490613879320/2914148025280228/?type=3&theater

รีวิว >> Singapore No Plan#2019 >>  https://journeyofarrow.blogspot.com/2019/10/singapore-no-plan2019.html

รีวิว >> review ที่เที่ยวในสิงคโปร์ #2018 >> http://journeyofarrow.blogspot.sg/2018/05/review-2018-by-journey-of-arrow.html

พาเที่ยวงาน Singapore Air show 2018 >> https://journeyofarrow.blogspot.sg/2018/02/singapore-air-show-2018-by-journey-of.html



เราชอบเครื่องบินเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว มีอีกหนึ่งรุ่นที่อยากลองนั่งมากๆ นั่นคือ Boeing 787 Dream-liner  แล้วทางสายการบิน Scoot ได้ปล่อยโปรออกมาพอดี และใช้เครื่องบินรุ่นนี้ในเส้นทางนี้
ไม่รอช้าจัดแจงจิ้มตั๋วมาจนได้ ประมาณ 2,9XX บาท บวกค่าตัดบัตรเครดิตอีก 500 บาท
รวมค่าตั๋วไป-กลับที่่จ่ายไปประมาณ 3,500 บาทค่ะ

**สรุปค่าใช้จ่ายกับแพลนโปรแกรมทัวร์ตอนสุดท้ายนะคะ Part 4 >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/06/birthday-trip-in-singapore-part-4.html?m=0

รอบนี้เป็นรอบที่ 3 เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก (หลังจากที่ไปครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน)
ไปแลกตังค์ก่อนบินแค่วันเดียว แลกมาทั้งหมด 200 SGD ค่ะ (วันนั้นแลกไป 1 SGD = 26 บาท)


จัดกระเป๋า จัดแจงเสื้อผ้า ของใช้ให้เรียบร้อย
นี่เป็นหัวข้อ Check list ของเราเวลาที่ต้องไปต่างประเทศค่ะ
(สมุดโน๊ตเล่มเล็กกับปากกา หน้าปกวาดเองนะคะ^^)



อันนี้ List ตอนไปสิงคโปร์ค่ะ
-Passport (*****ดอกจัน+ไฮไลท์เลย ห้ามลืมเด็ดขาด!)
-เงินสด (ดอลล่าร์สิงคโปร์)
-กล้องถ่ายรูป + ที่ชาร์จ
-ปลั๊กไฟขา 3 เหลี่ยม
-โทรศัพท์ + ที่ชาร์จ
-บัตร EZ-link
-บัตรเครดิต
-สำเนาPassport (อันนี้ลืมถ่ายเอกสารค่ะ  พอดีรีบไปสนามบิน - -)
-หูฟัง
-สมุตโน๊ต+ปากกา
-กุญแจล็อคเกอร์

ของใช้ส่วนตัว
-แปรงสีฟัน + ยาสีฟัน
-สบู่เหลว
-แชมพู
-โลชั่น
-แป้ง
-ครีมทาหน้า
-ผ้าขนหนูผืนเล็ก
-รองเท้าแตะฟองน้ำ

เอาล่ะค่ะ! จัดของเรียบร้อยแล้วออกเดินทางกันเล้ย! ด้วยความชิลของเราทำให้ออกมาช้ากว่าที่กำหนดไว้ 1 ชั่วโมง ตอนแรกจะนั่งรถไฟฟ้าไปลง BTS หมอชิตแล้วต่อรถเมล์ไปลงหน้าดอนเมือง(เพื่อความประหยัด) พอดีว่าเจอรถตู้ไปสุวรรณภูมิ นึกได้ว่ามี shuttle bus ฟรี จากสุวรรณภูมิไปดอนเมือง เลยโดดขึ้นรถตู้เลยค่ะ มาถึงสุวรรณภูมิประมาณ 1 ทุ่มนิดๆ เดินขึ้นไปชั้น 2 รอไปขึ้น shuttle bus ถามเจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่ารถยังไม่เลย  รถติดบนทางด่วนค่ะ น่าจะใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง!!! โอ้ว!!
ถ้ารอshuttle bus ต้องไม่ทันแน่ๆเลย เราต้องถึงดอนเมืองอย่างช้าสุดคือ 4 ทุ่ม ก่อนที่เคาท์เตอร์เช็คอินจะปิด!!!

จะตกเครื่องมั้ย?? จะทันมั้ย?? ><

ตัดสินใจ วิ่ง4X100 ลงมาชั้นล่างขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งค์ เพื่อจะไปลง BTS หมอชิต แล้วต่อแท็กซี่ไปดอนเมืองค่ะ !

ถ้ายอมนั่งBTSไปลงหมอชิตตามแผนเดิมคงถึงดอนเมืองเช็คอินไปแล้วค่ะ นี่ลุ้นสุดๆ
มาถึงBTS พญาไทเกือบ 2 ทุ่มค่ะแล้วต่อไป BTS หมอชิตแป๊บเดียวก็ถึงค่ะ
สเต็ปต่อไปคือเรียกแท็กซี่ แต่หาแท็กซี่ไม่ได้เลย จะนั่งวินมอไซค์ ถามเค้าแล้ว
ได้คำตอบมาว่า

"ไปดอนเมือง 450 บาท!!!!" (ถึงกับช็อค!!)

สรุปนั่งแท็กซี่มากับคุณพี่ผู้หญิงคนนึง (พี่เค้ามากับสาวฝรั่ง) พี่เค้าก็จะไปดอนเมืองเหมือนกัน
เลยช่วยกันเรียกแท็กซี่ให้มาส่ง เราลงที่สนามบินก่อน มาถึงดอนเมืองประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง!!
เร็วเวอร์!!!!!!! จัดการเช็คอินซะ!!! เส้นยาแดงผ่าแปด ได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้วค่าาาาา!!!
เข้าเกทกัน!!

สำหรับมือใหม่หัดขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ(ดอนเมือง) ดูรีวิวลิ้งค์นี้ได้ค่ะ >> http://iflytosky.blogspot.com/2015/12/blog-post.html

**สำหรับใครที่มีบินไฟลท์เช้ามาก กลัวตกเครื่อง หรืออยากพักผ่อนหลังจากบินกลับมาเหนื่อยๆ เพื่อรอบินไฟลท์ถัดไป มีโรงแรมให้พักในเทอมินอลด้วยค่ะ
รีวิว Sleep box ดอนเมือง >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2017/10/sleep-box-by-miracle.html

ผ่านตม. และขั้นตอนสแกนเสร็จแล้วเข้ามาแล้วจะเจอ Duty free


ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลยค่ะ นี่ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว
อาหารเย็นในวันเกิดของเราวันนี้ ^^
"เบอร์เกอร์หมู"


ทานเสร็จเดินไปรอขึ้นเครื่องที่เกทกัน
วันนี้หวยออกที่เกท 24 ค่ะ


นั่งแป๊บๆก็เรียกขึ้นเครื่องแล้วค่ะ (เกือบตกเครื่องแล้ว เกือบไม่ได้เที่ยวแล้ว ><)
เข้ามาด้านในแล้วค่ะ
เครื่องใหม่มาก ^^


ความพิเศษของรุ่นนี้ อย่างนึงคือหน้าต่างจะค่อนข้างใหญ่ และไม่มีม่านหน้าต่างค่ะ!
แต่ถ้าแดดส่องสามารถกดปุ่มเพิ่ม-ลดความเข้มของหน้าต่างได้ค่ะ
(แต่เราลองกดดูแล้วไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย ฮ่าๆ)


ห้องโดยสารปรับเป็นโทนสีฟ้าดูสดใส


เอาล่ะค่ะ! ได้เวลา Take off bye bye Thailand แล้ว !!
ฉลองวันเกิดบนความสูงเกือบ 40,000 ฟุต!! ^^


ห้องโดยสารปรับโทนสีได้ด้วย



นั่งๆงีบๆมา 2 ชั่วโมง ฟ้ายังไม่ทันสาง เราก็มาถึงสิงคโปร์แล้วค่ะคุณผู้ชม!
(เวลาที่สิงคโปร์จะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงนะคะ)


ถึงสนามบินประมาณ ตี 2 กว่าๆ รถไฟฟ้าหยุดวิ่งแล้ว
คืนนี้นอนสนามบินค่ะ


ที่สิงคโปร์ใช้ปลั๊กไฟแบบ 3 ขาเหลี่ยม อย่าลืมพกหัวแปลงมาด้วยนะคะ


งีบอยู่พักใหญ่ๆ ก็ตื่นมาเองอีกทีก็ไม่ง่วงแล้ว เลยไปล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองค่ะ
สนามบิน Changi ที่สิงคโปร์ตกแต่งได้สวยงามมากเลยค่ะ
มีมุมถ่ายรูปเยอะเลย มีสวนเล็กๆกับบ่อปลาที่นี่ด้วย




ผ่าน ตม.แล้วออกไปขึ้นรถไฟฟ้าเข้าเมืองกันค่ะ


จากสนามบินเราจะเข้าเมืองโดยนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินค่ะหรือ MRT โดยตัวสถานีจะอยู่ที่ Terminal 2 ค่ะ
ถ้าเครื่องลงที่ Terminal 1 หรือ 3 ก็สามารถนั่ง sky train (เป็นรถรางไฟฟ้า ไม่มีคนขับ) นั่งมาลงที่ Terminal 2 ได้ค่ะ (ฟรี)

เดินผ่านตม.มาแบบชิลๆค่ะ (อย่าลืมหยิบลูกอมด้วยนะคะ ลูกอมอร่อยค่ะ ^^)
(**สำหรับเพื่อนๆที่กังวลเรื่อง ตม. แนะนำให้ปริ้นท์ตัั๋วไป-กลับ /ใบจองที่พัก / เงินสด (บัตรเครดิต) แผนการท่องเที่ยว/โปรแกรมทัวร์ เผื่อเค้าขอดูค่ะ แสดงให้เห็นว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ มาเที่ยวจริงๆ เที่ยวเสร็จแล้วบินกลับแน่นอน^^ )

ตามป้ายมาเลย เดินลงบันไดเลื่อนไปอีก


เนื่องจากเรามี บัตร EZ-link อยู่แล้วเลยไม่ได้ซื้อใหม่ เติมตังค์ในบัตรไป 10 SGD (ขั้นต่ำที่เติมได้คือ 10 SGD นะคะ)
(บัตรสามารถใช้ได้ 5 ปี เรามาสิงคโปร์ครั้งแรกปี 2013 ปีนี้ 2016 ยังใช้ได้อยู่ค่ะ บัตรนี้จะใช้ขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถเมล์ ซื้อของ ค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว
สำหรับใครที่เพิ่งมาแล้วจะซื้อ EZ-link สามารถซื้อได้เลยค่ะ ราคา 12 SGD แบ่งเป็นค่าบัตร 5 SGD และเงินที่เราสามารถใช้ได้คือ 7 SGDค่ะ)

สามารถเข้าไปคำนวณค่ารถไฟฟ้าได้ที่เว็บนี้ค่ะ เลือกสถานีต้นทาง-ปลายทาง
ก็จะโชว์ราคาขึ้นมาให้เราค่ะ >> http://www.mytransport.sg/content/mytransport/home/commuting/busservices.html#Fare_Calculator

หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้


เราพักที่ย่านChina town ค่ะ กะว่าจะเอากระเป๋าไปฝากก่อนแล้วค่อยเที่ยว
จากสนามบิน Changi ไป China town ก็ตามนี้เลยค่ะ

Changi Airport > Tanah Merah > Outram Park > China town

บรรยากาศในรถไฟฟ้าเพิ่ง 6 โมงค่ะยังมืดอยู่


นั่งแป๊บๆก็มาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Tanah Merah ค่ะ ตอนรถไฟฟ้าเปิดประตูให้ออกฝั่งซ้ายมือนะคะ
ปลายทางจะเป็นสถานี Joo Koon รอรถไฟฟ้าตรงนี้


ระหว่างที่นั่งไป China Town เกิดเปลี่ยนแผนขึ้นมาค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นตรงอ่าวมารีน่าในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้ไหนๆก็ยังพอมีเวลาอยู่ เราตัดสินใจแวะลงสถานี Raffle Place ก่อนค่ะ เพื่อไปถ่ายรูปวิวที่อ่าวมารีน่าตอนเช้าวันนี้เลย ^^

บินเดี่ยวเที่ยวสิงคโปร์ : Birthday trip in Singapore Part 2 >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/06/birthday-trip-in-singapore-part-2.html?m=0

รีวิว  บินเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า : Macau one day trip >> https://journeyofarrow.blogspot.com/2017/09/macau-one-day-trip-2017.html

E-book เรียนอังกฤษ-จีนง่ายๆสไตล์เด็กสายวิทย์ พร้อมเทคนิคสอบTOEIC650+ >> https://www.ookbee.com/shop/book/0f99be8a-3ec4-42f1-a855-01896495e9b7/เรียนอังกฤษ-จีนง่ายๆ-สไตล์เด็กสายวิทย์

E-book แบ่งปันประสบการณ์การไปทำงานเรือสำราญ
Ookbee>> https://www.ookbee.com/shop/book/9fd268ef-064c-4662-846f-5b05ac129501/บันทึก-239-วัน-เมื่อฉันเป็นลูกเรือสำราญ
Mebmarket >> https://www.mebmarket.com/ebook-127839-บันทึก-239-วัน-เมื่อฉันเป็นลูกเรือสำราญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น