สวัสดีค่ะทุกคน^^
ไปเที่ยวมาอีกแล้ว มีรีวิวมาฝากค่ะ สำหรับใครที่หาที่เที่ยวแนวธรรมชาติๆ ชมนกชมไม้
เรานั่งเรือออกจากเกาะสิงคโปร์ข้ามไปปั่นจักรยานที่เกาะอูบินมาค่ะ
Pulau Ubin ในแบบฉบับของเราจะเป็นอย่างไรนั้นมาชมกันค่ะ
Pulau Ubin เป็นเกาะเล็กๆอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสิงคโปร์ค่ะ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ใครอยากหนีความวุ่นวายในเมือง ลองนั่งเรือข้ามเกาะออกมาค่ะ
แล้วจะพบว่า เฮ้ย!สิงคโปร์มีที่แบบนี้ด้วยเหรอ ^^
**เดินทางเมื่อ 8 เมษายน 2561
เราออกเดินทางแต่เช้าค่ะ จองโฮสเทลที่ Lavenderไว้เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ชื่อ Traveller @ SG จองเป็นห้อง female dorm คืนละ 22 SGD ค่ะ ทำเลดี
เอาของไปฝากไว้แล้ว นั่ง MRT มาลงสุดสายสีเขียวเลยที่สถานี Pasir Ris หาข้อมูลมาเราต้องไปต่อรถที่ bus interchange สาย 89 หรือ 109
แต่!!!! มันไม่มีสายที่ว่าค่ะ - -" งงไปอี๊ก!! เอาไงดี โทรศัพท์ไม่มีเน็ท เราเลยเลือกถามคุณป้าคนขับรถเมล์ที่กำลังซื้อน้ำอยู่ น่าจะเลิกงานแล้ว บอกว่าจะไปท่าเรือ Changi ferry terminal ป้าบอกว่า
นั่ง 17 ไปลงป้ายหน้าแล้วต่อสาย 89
เอ้าตามนี้ สาย 17 มาพอดีวิ่งขึ้นเลยค่ะ ขอบคุณคุณป้าด้วยค่า^^
ต่อรถเมล์มา 1 ป้ายแล้วรอสาย 89 บอกลุงคนขับว่าจะไปท่าเรือ ถึงแล้วเดี๋ยวเค้าบอกเราเองค่ะ
นั่งมาประมาณ 15-20 นาที ลุงบอกให้ลงแล้วเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปจะเจอท่าเรือ ไม่ไกลค่ะ
เดินมาเรื่อยๆเจอฟู้ดคอร์ท สามารถทานข้าวก่อนได้ เรารีบกินไปรีบไปค่ะ เพราะสายมากแล้ว
ท่าเรืออยู่หลังฟู้ดคอร์ทนี่เอง
ป้ายบอกตารางเวลาค่ะ ตามนี้เลย ค่าเรือคนละ 3 SGD ครบ 12 คนเรือถึงจะออก จ่ายตังค์บนเรือกับคนขับค่ะ
เดินลงบันไดไปเลย
เดินลงไป ลุงถามมากี่คน เลยบอกคนเดียว เราเป็นคนสุดท้ายพอดี ได้ขึ้นเรือเลยไม่ต้องรอนาน ฮี่ๆ
เรือออกแล้วค่า บ๊าย!!สิงคโปร์ ^^
นั่งเรือมาประมาณ 10 นาทีก็ถึงค่ะ
จากในเมืองมาที่นี่ เราใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ ทั้งต่อรถต่อเรือ หลงทางรวมถึงแวะกินข้าว!!
ควรจัดเป็น one day trip ค่ะถ้าใครจะมาเที่ยวที่นี่ ตอนนี้ก็ 11 โมงกว่าแล้ว >< แดดเริ่มร้อนแล้วค่ะ
จากป้ายนี้มองไปซ้ายมือมีร้านเช่าจักรยานค่ะ เลือกได้เลย เจ้าของร้านบอกให้เช่าเสือภูเขา เริ่มที่ 10-15 SGD ค่ะ แต่เราชอบจักรยานญี่ปุ่น มันปั่นง่ายแล้วก็มีตะกร้าหน้ารถค่ะ จักรยานญี่ปุ่น 8 SGD ค่ะ แค่เขียนชื่อกับเบอร์โทร เราไม่มีเลยให้ที่อยู่โฮสเทลไป เจ้าของร้านรู้ด้วยว่าเราเป็นคนไทย ฮ่าๆ
ได้รถแล้ว ไปกันค่า!!!! ที่แรกที่จะไปแวะคือ Chek Jawa ค่ะ บนเกาะมีป้ายบอกทางตลอด ไม่ต้องกลัวหลงค่า จากร้านเช่าจักรยานไป Chek Jawa ระยะทาง 3.3 km.ค่ะ
โอ้ว!! ทางดีนะเนี่ย ใครไม่ปั่นจักรยานก็สามารถเดินได้ค่ะ แต่ถ้าไม่อยากเดินกับปั่นจักรยานมีรถรับจ้างบนเกาะด้วย พาไปส่งได้^^
I MY BIKE ^^
ความร่มรื่นนี้ ^^
ปั่นไปเรื่อยๆ เจอป้ายบอกทางให้เลี้ยวเข้าไปทางซ้ายมือค่ะ อ่ะเราก็เลี้ยว
ปรากฏว่า คุณหลอกดาวค่ะ!! ทางไปเรียบแล้ว เป็นลูกรัง ดินๆเนิน ปั่นขึ้นไม่ไหว
ต้องจูงจักรยานค่ะ ฮ่าๆ
พอพ้นตรงที่เป็นเนินๆ พอปั่นได้เราก็ปั่นค่ะ 3กิโลหรือ 13 กิโล มันไม่ถึงซะที ><
เกือบท้อใจ เจอป้ายChek Jawa ข้างหน้า เอ้าถึงแล้ว!!! แต่ต้องจอดจักรยานไว้ข้างนอกนะคะ
แล้วเดินเข้าไปอีก
จักรยานของเราในทริปนี้ ^^
จอดไว้ไม่ต้องล็อคค่ะ เดินเข้าไปทางนี้เลย
ไม่ต้องกลัวนะคะ นักท่องเที่ยวมีค่ะ ไม่อะโลนแน่นอน และที่นี่สิงคโปร์ค่ะ ปลอดภัยดีค่ะ ^^
เดินเข้ามาก็จะเจอในส่วนของ Information มีตู้กดน้ำด้วยค่ะ
ด้านหลังตรงนี้จะเป็นห้องน้ำค่ะ แล้วก็ Chek Jawa visitor centre เดินเข้าไปดูกัน
เหมือนบ้านคนในหนังฝรั่งเลยค่ะ มีปล่องไฟด้วย
ทีเด็ดอยู่ที่วิวหลังบ้านค่ะ
แถ่แด๊น !!!
มีสะพานยื่นออกไปในทะเล เดินไปดูกัน
เที่ยงแล้ว แดดเปรี้ยงเลยค่ะ อากาศดีม๊าก ^^
จากตรงนี้เราไปกันต่อที่ทางเดิน coastal boardwalk
แวะกดน้ำเก็กฮวยดับร้อนก่อน
เดินไปเรื่อยๆเจอคุณลุงคุณป้ามาจากปีนัง ขอให้เราช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ^^
คุยกันเพลินเลย คิดถึงปีนังเลยค่ะ เราไปมา 3 ปีที่แล้ว อยากกลับไปกินชาก๋วยเตี๋ยวอีก^^
*รีวิว บินเดี่ยวเที่ยวปีนัง#2015 >> http://journeyofarrow.blogspot.sg/2015/08/solo-trip-to-penang-part1.html
เจอแล้วค่ะสะพาน Coastal boardwalk
เดินไปเรื่อยๆเลย ตรงกลางสะพานจะมีศาลาให้หลบร้อนด้วย เรานั่งหลบร้อนเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ
มองออกไปจะเห็นเครื่องบิน take off ด้วยค่ะ
เสร็จแล้วก็ไปต่อที่ในส่วนของ Mangrove boardwalk เดินต่อกันไปได้เลยค่ะ แต่ใครจะเริ่มจากป่าโกงกางแล้วออกมาที่ส่วนของสะพานนี้ก็ได้เช่นกัน ^^
ตรงนี้เริ่มเป็นดินเลนแล้วค่ะ ฟ้าก็เริ่มครึ้มๆ
สมกับชื่อ Mangrove boardwalk จะเจอต้นโกงกางสองข้างทางสะพานไม้เลยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ
เดินตามทางไปเรื่อยๆเจอหอคอยค่ะ ด้านบนเป็นจุดชมวิว เอ้า!ปีนขึ้นไปดูกัน
ขึ้นมาแล้วค่ะ สูงเหมือนกันนะเนี่ย ฝนกำลังจะตกค่ะ
ฝนตกแล้ว เลยลงมาข้างล่างค่ะ ถ่ายซักรูปนึงก่อนลงไป
ลงมาแล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆจะเจอทางแยกค่ะ ถ้าจะกลับให้เลี้ยวขวา เดินไปนิดนึงจะเจอกับซุ้ม Information ที่มีตู้กดน้ำที่เดิม ^^
กดน้ำเย็นเพิ่มอีกขวด แล้วไปกันต่อค่ะ
ไม่ได้กลับทางเดิมนะคะ เรามาอีกทางนึง
I'm on my way !!!!! ^^
ปั่นไปเรื่อยๆเจอแอ่งน้ำขนาดใหญ่
ปั่นเรื่อยจนสุดทาง เลี้ยวขวามีป้ายบอกทางไป Mamam campsite เอ้า!เป็นยังไง ไปดูกัน ^^
นั่งพักเหนื่อย รับลมซะหน่อย
จากนั้นเราก็ดูแผนที่ เจอ Puaka hill ค่ะ เป็นจุดชมวิว เดี๋ยวไปกันต่อ
ปั่นตามทางมาเรื่อยๆผ่าน Butterfly hill
ตรงข้ามเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ค่ะ ลมพัดเอื่อยๆ ชิวดี
แต่เราหลงนิดหน่อย หาป้ายบอกทางไป Puaka hill ไม่เจอ ฮ่าๆ
ปั่นไปเรื่อยๆ เจอแล้ว Puaka hill
จอดจักรยานไว้แล้วเดินขึ้นไปอีกค่ะ
ทางประมาณ dragon's back ที่ฮ่องกง แต่เดินไม่นานค่ะ 5-10นาทีก็ถึงข้างบน
รีวิว Dragon's back ฮ่องกง >> https://journeyofarrow.blogspot.sg/2016/12/4-3-part-21-dragons-back-big-wave-bay.html
ระหว่าทางก็จะประมาณนี้
เดินสบายๆค่ะ แต่แอบหอบ ฮ่าๆ ระหว่างทางซ้ายมือเจอแอ่งน้ำขนาดใหญ่
เริ่มมองเห็นวิวแล้วค่ะ เดินต่อขึ้นไปอีกนิด
และแล้วก็มาถึงข้างบนค่ะ ^^
วิวเป็นแบบนี้
พาโนรามามั่ง
จากตรงนี้ ก็ไปกันต่อค่ะ ตอนลงนี่เร็วกว่าตอนขึ้นนะ
ปั่นต่อจากนี้ไปอีกเรื่อยๆเราก็เจอ bike park ค่ะ ไปดูกันซะหน่อย
งงๆกับเส้นทางไปยืนอ่านแผนที่ เค้าบอกว่าถ้าเป็นนักปั่นมือใหม่ เค้าไม่แนะนำให้ปั่นค่ะ มีเลเวลบอกระดับความยากของทางด้วย เรานี่ไม่ใช่สายปั่นจักรยานอาชีพค่ะ อีกอย่างเหนื่อยมากด้วย ฮ่าๆ
อันนี้ทางเข้า blue grass area แบบง่ายสุด
เหนื่อยแล้วก็เลยปั่นกลับดีกว่า แฮ่
ระหว่างทาง
เอาจักรยานไปคืนค่ะ แค่เซ็นต์ชื่อเป็นอันเสร็จพิธี แล้วก้เดินไปขึ้นเรือกลับ
บ๊าย Pulau Ubin ว่างๆเดี๋ยวจะกลับมาเที่ยวใหม่
Have a nice day !! ^^
เข้าแถวขึ้นเรือเหมือนเดิมค่ะ ป้าถามว่ามากี่คน เลยบอกคนเดียว เค้าให้ขึ้นเรือได้เลย
ค่าเรือ 3 SGD เหมือนเดิม จ่ายกับคนขับบนเรือค่ะ ^^
เราออกมาจากเกาะ ห้าโมงกว่า นั่งงีบมาแป๊บนึงก็มาถึงเกาะสิงคโปร์
ส่วนขากลับ ข้างๆฟู้ดคอร์ทจะมีป้ายรถเมล์ค่ะ รอสาย 2 ค่ะ จะผ่านในเมือง
ใครจะไปลง Bugis / Clark Quay/ China town สายนี้ผ่านค่ะ
นั่งมาเรื่อยๆเกือบชั่วโมงค่ะ ย่านนี้ย่าน Kallang
เรานั่งมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึง Bugis ค่ะ เป็นอันจบทริป Pulau Ubin โหดมันส์ฮาในแบบฉบับของเรา ฮ่าๆ
สรุปความคิดเห็นของเรานะคะ ^^
-ควรออกมาเช้าๆเลยค่ะ เพราะช่วงสายๆบ่ายๆ แดดร้อนม๊าก
-ใช้เวลาเดินทางนาน จากตัวเมืองต่อรถต่อเรือ ก็ประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะกว่าจะมาถึงเกาะ ควรจัดเป็นโปรแกรม one day trip ไปเลย
-ของที่ควรเตรียมมาด้วย พวกร่ม แว่นกันแดด น้ำ ขนม เผื่อเดินๆอยู่กลางทางเกิดหิวขึ้นมา
-จักรยานควรเป็นเสือภูเขาค่ะ ถ้าไม่อยากเหนื่อยมาก แต่ราคาก็จะตามคุณภาพนะคะ
ของเรา 8 SGD ถ้าเสือภูเขาเริ่มที่ 10 -15 SGD ค่ะ
-ถ้าหาเพื่อนที่ชอบเที่ยวๆแนวๆนี้ไม่ได้ สามารถมาคนเดียวค่ะ ตามความรู้สึกเรานะ
วันที่มาเป็นวันอาทิตย์ด้วยก็เลยไม่เงียบเท่าไหร่ มีนักท่องเที่ยวค่ะ
และทีนี่สิงคโปร์ค่ะ เราว่ามีความปลอดภัยสูง ^^
-แต่ถ้ามีเพื่อนมาด้วยก็น่าจะดีค่ะ เพราะขากลับ ที่ท่าเรือเราเห็นตำรวจขับรถมาส่งคุณป้าคนอินเดีย
เห็นเหมือนใส่เฝือกที่แขน น่าจะอุบัติเหตุค่ะ ทางค่อนข้างชันและขรุขระ ถ้าปั่นจักรยานก็ระวังๆด้วยนะคะ
สรุปการเดินทางไป Pulau Ubin แบบฉบับเรานะคะ^^
ขามา
-นั่ง MRT มาลงสถานี Pasir Ris สุดสายสีเขียว
-เดินไป bus interchange ขึ้นสาย 17 ไปลงป้ายหน้า
-ต่อรถบัสสาย 89 บอกคนขับจะไป Changi ferry terminal
-ลงรถเมล์เลี้ยวซ้ายเข้าตามทางจนเจอฟู้ดคอร์ท
หลังฟู้ทคอร์ทเป็นท่าเรือค่ะ (ข้างๆกันเดินไปอีกหน่อยคือ Changi Beach Park ค่ะ)
-นั่งเรือมา ค่าเรือคนละ 3 SGD ครบ 12 คนเรือออกค่ะ จ่ายตังค์กับคนขับบนเรือ
ขากลับ
-นั่งเรือจากท่าเรือที่เดิม ค่าเรือ 3 SGD เหมือนเดิม
-ต่อรถเมล์ตรงฟู้ดคอร์ท สาย 2 เข้าเมืองค่ะ ผ่านทั้ง Bugis / Clark Quay /China town นั่งมาประมาณชั่วโมงนึงก็ถึงค่ะ ^^
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่จะมาเที่ยวนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
ปิดท้ายรีวิวด้วยภาพจากด้านหลัง Chek Jawa visitor centre ค่ะ
มีคำถาม/สงสัย ไปพูดคุยกันได้ที่ >> https://www.facebook.com/Journeyofarrow/
รีวิว >> ไปเดินป่าสิงคโปร์กัน @ Tree top walk >> https://journeyofarrow.blogspot.com/2018/07/tree-top-walk-macritchie-nature-trail.html