Singapore No Plan#2019

สวัสดีค่ะทุกคน ^^

กลับจากสิงคโปร์รอบนี้ มีรีวิวมาฝากอีกแล้วค่ะ เนื่องจากคิดถึงสิง และสายการบินสกู๊ตมีโปร
ก็เลยมือลั่น จองไป ฮ่าๆ จริงๆตั๋วเริ่มที่ 1200 แต่คิดนานไปหน่อย เลยพุ่งเป็นเที่ยวละ 1400 บวกตัดบัตร
กลายเป็น 1580 ค่ะ ส่วนขากลับ ใช้บริการของแอร์เอเชียค่ะ เที่ยวละ 2254 รวมตัดบัตร
เป็นการจองแบบจองแล้ว บินอาทิตย์หน้าเลยค่ะ อยากไปอย่างแรง ฮ่าๆ

พร้อมแล้วไปกันเลยค่า ^^
*ออกเดินทางเมื่อ 9-12 ตุลาคม 2019


ไฟลท์ขาไปเป็นรอบดึกสุดค่ะ 22:50 น. ไปถึงดอนเมืองสองทุ่ม คนต่อแถวยาวมาก แต่รอไม่นานมากค่ะ
ขอที่นั่งริมหน้าต่างไป ก็ได้ตามคำขอค่ะ ^^

สำหรับขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศสำหรับมือใหม่ เข้ามาอ่านได้ที่รีวิวนี้เลยจ้า >> http://iflytosky.blogspot.com/2015/12/blog-post.html

ขึ้นมาบนเครื่องแล้ว เหมาหมดทั้งแถวค่ะ
เป็นเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 787 Dream liner


นั่งมาสองชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสนามบิน Changi ค่ะ เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ
อย่าลืมปรับเวลา รอบนี้เรายังไม่ผ่าน ตม.ค่ะ จะรออยู่ข้างในนี้จนถึงเช้า ครั้งแรกที่รออยู่ด้านในค่ะ
ไม่รู้ตอนเช้าไปผ่านตม. เค้าจะว่ายังไงมั้ยนะ


ไปหาที่งีบกันค่ะ สำหรับเราลง ที่เทอมินอล2 เดินตามป้ายมาเรื่อยๆ จนเจอบันไดเลื่อนลงไป ตม. อย่าเพิ่งลงไปค่ะ เลี้ยวขวามา เดินไปนิดนึง จะเจอบันไดเลื่อนขึ้น ทางไปสวนดอกทานตะวัน (Sunflower Garden)


เดินตามป้ายไป จะเป็นโซนentertainmentค่ะ ด้านนอกเป็นสวนดอกทานตะวัน ถ้าเดินไปในสุดจะเป็นโรงหนังเล็กๆ  ของเราปักหลังตรงนี้ มีห้องน้ำ มีปลั๊กไฟ ตรงนี้จะไม่สว่างเท่านอนหน้าเกทค่ะ
ไฟที่เห็นนี่ พนักงานเพิ่งมาเปิดตอนตีห้าค่ะ


เรารอจนหกโมง ไปล้างหน้าแปรงฟันก็ลงไป ตม. ค่ะ หกโมงคนอย่างโล่ง เจ้าหน้าที่ใจดีนะคะ
ไม่ได้ถามอะไรมาก นึกว่าจะถามว่าไฟลท์ลงตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งออกมา
สุดท้ายก็ผ่านฉลุยค่ะ ไปเข้าเมืองกัน รอบนี้ไม่ซื้อ ez-link ค่ะ เพราะโนแพลน ยังไม่รู้จะไปไหนบ้าง
ก็เลยลงไปซื้อบัตร Singapore tourist pass แบบ 3 วันค่ะ ราคา 30 เหรียญ ใช้ได้ 3 วัน วันกลับเอาบัตรไปคืน จะได้ค่ามัดจำคืน 10 เหรียญค่ะ สรุปเสียค่าบัตรนี้ไป 20 เหรียญค่ะ ขึ้นได้ทั้งรถบัส รถไฟฟ้า
เราไม่มีแพลนไปเกาะเซ็นโตซ่าเลยไม่มีปัญหาค่ะ

พอลงไปปุ๊บ เคาท์เตอร์อยู่ที่เดียวกับสถานีรถไฟฟ้านะคะ แต่ว่า เปิด 8 โมงค่าคุณผู้ชม
รอไปก่อนค่ะ


ก็เลยไปดูน้ำตกที่ Jewel ค่ะ ห้างเปิดใหม่ข้างๆสนามบิน จากเทอมินอล2 เดินตามไปเลยค่ะ ไม่หลง ไม่งง
จากเทอมินอล2 ใช้เวลาเดินประมาณ 5-10 นาทีค่ะ

พอเข้ามาแล้วปรากฏว่า ผ่าม!!

ยังปิดอยู่ค่ะคุณผู้ชม ฮ่าๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวมาใหม่ช่วงกลางวัน


จาก Jewel เราไป เทอมินอล 3 ค่ะ หาข้าวทาน รู้สึกหิว เช้านี้ได้ Nasik lemak จากร้าน old town ค่ะ


ทานข้าวเสร็จ นั่งเล่นเน็ท เน็ทที่สนามบินฟรีและแรงค่ะ ลงทะเบียนก็แสนจะง่าย
เกือบ8โมงเราเลยลงไปข้างล่างอีกรอบนึงจะไปซื้อบัตร ได้มาแล้วค่ะ


รอบนี้ไม่นั่งรถไฟเข้าเมืองค่ะ เราจะนั่งรถเมล์เข้าเมือง
เดินตามป้าย Bus ไปค่ะ หารถเมล์สาย 36 ค่ะ สายนี้จะพาเรานั่งไปถึง Suntec cityค่ะ ตรงที่เป็นน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง

แตะบัตรตอนขึ้นรถค่ะ แล้วหาที่นั่งเลย


นั่งมาเรื่อยๆ ไม่ถึงสามสิบนาทีก็จะเจอวิวนี้ ใกล้จะได้ลงแล้วค่ะ
Hello Singapore ^^



พอเจอน้ำพุอยู่ข้างหน้าก็กดกริ่งลงเลยค่ะ แต่ของเรามีคนลงเหมือนกันก็เลยไม่ต้องกด ^^
ถึงแล้ว ^^


เดินวนๆอยู่แถวอ่าวมารีน่า เริ่มร้อนและหนักกระเป๋าเลยเอากระเป๋าไปฝากที่ hostel ดีกว่า
รอบนี้เราพักที่ spacepod@Lavender ค่ะ นั่งรถไฟจ่าก สถานี Raffle place ไปลงสถานี Lavender อยู่สายสีเขียวเหมือนกัน สามารถจองผ่าน booking.com ได้เลยค่ะ สามารถจ่ายตังค์เป็นเงินสดตอนเช็คอิน
หรือว่าบัตรเครดิตก็ได้ค่ะ ของเราจะจ่ายเป็นเงินสด

Hostel หาง่ายค่ะ อยู่ข้างๆ Traveller@SG ฝั่งขวามือ


ยังเช็คอินไม่ได้ค่ะ เริ่มเช็คอินได้ตอนบ่ายสอง ตอนนีเพิ่ง 10โมงกว่าๆ ไม่รู้จะไปไหน
บอกแล้วว่าโนแพลนจริงๆ ฮ่าๆ ก็เลยนั่งรถเมล์ไป Changi beach ค่ะ จะไปดูว่าเครื่องบินแลนด์ฝั่งชายหาดมั้ย ถ้าแลนด์ฝั่งชายหาด เดี๋ยวจะมาปั่นจักรยานดูเครื่องบินตอนเย็นค่ะ

การเดินทางแสนจะง่าย ตรงสถานี Lavender  จะมีป้ายรถเมล์ ฝั่งขาออกนอกเมืองนะคะ รอรถเมล์สาย 2
นั่งยาวๆสุดสายเลย  นั่งมาชั่วโมงนิดๆเพราะมีคนแวะลงตลอดทาง
ปรากฏว่า เครื่องบินเทคออฟข่าคุณผู้ชม - -"


โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาข้าวเที่ยงกินที่นี่ก็ได้
ปรากฏว่า ฟู้ดคอร์ท ปิดทำความสะอาดพอดีค่ะ ฮ่าๆ โอ๊ยนี่มันวันอะไรของช้านนนน


เอ้า เกือบบ่ายสองละ ก็เลยนั่งรถเมล์กลับค่ะ ไปขึ้นที่เดิมสาย 2 ถ้าไม่อยากรอนานก็สามารถต่อ MRT
ที่สถานี Tenah Merah ได้ค่ะ เราขี้เกียจนั่งนาน เลยลงรถเมล์ไปต่อ MRT

ถึงสถานี Lavender แล้วค่ะ มาสิงคโปร์อย่าลืม"ชิดซ้าย"เวลาขึ้นบันไดเลื่อนนะคะ


แวะกินข้าว แล้วเดินไป hostel ไปเช็คอินค่ะ ใครมีกระเป๋าลากใบใหญ่ ลำบากหน่อยนะคะ เพราะไม่มีลิฟต์
แต่เรามีเป้ ก็เลยชิวๆค่ะ พนักงานใจดี  พักสองคืน 62 เหรียญค่ะ ประมาณคืนละ 680 บาท (ค่าเงินที่แลกไปอยู่ที่ 1 ดอลล่าร์ = 22 บาท) ไมีมีค่ามัดจำกุญแจค่ะ เป็นคีย์การ์ด

มาดูห้องกัน อันนี้เป็นห้องรวมนะคะ แต่ไม่มายด์ เพราะแต่ละเตียงจะมีม่านกั้น ค่อนข้างส่วนตัวค่ะ


เตียงเป็นงี้ มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยค่ะ มีอาหารเช้ารวมอยู่ในค่าที่พักแล้วค่ะ


เรานอนเตียงล่างค่ะ ขี้เกียจปีน
ไฟมีหลายสีค่ะ ปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ
เตียงนุ่มสบาย สะอาดดีค่ะ

ไปดูห้องน้ำหน่อย มีน้ำอุ่น มีแชมพู สบู่ให้ มีไดร์เป่าผมด้วยค่ะ ถือว่าอำนวยความสะดวกได้ดี
สำหรับแบ็คแพคเกอร์ ^^ อาบน้ำเสร็จ ไปนอนค่ะ เมื่อคืนคือเพลียร่างมาก


ตื่นมา 5 โมงเย็น ก็นั่งรถเมล์ออกมาค่ะ ไปที่ถนนใหญ่ มุดใต้ดินไปรอรถเมล์ฝั่งตรงข้ามที่จะเข้าเมืองค่ะ
นั่งสาย 133 รถเมล์จะผ่านหน้าตึกเรือ (Marina bay sands)

จะถึงแล้ว


สะพาน Helix bridge ยามเย็น


จากนั้นลงรถเมล์ก็ ไปที่ Marina barrage ค่ะ


นอนอยู่ที่นี่ชิวๆ พอเริ่มค่ำก็เริ่มหิว เดินไปทานข้าวที่ stay by the bay ค่ะ 
เป็นข้าวปีกไก่ กับ น้ำอ้อย ^^


ทานเสร็จก็เดินไป super tree ค่ะ ถ้าจะไปดูโชว์จะมีรอบ 19:45 กับ 20:45 นะคะ 

เดินมาถึงแล้ว 


จากตรงนี้ เดินเล่นริมอ่าวมารีน่า แล้วก็นั่งรถเมล์กลับโฮสเทลค่ะ เพราะเพลียมาก ฮ่าๆ
พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ^^ 

วันถัดมา ตื่นแล้วแต่ยังปวดตัวอยู่ กลิ้งไปกลิ้งมา จนเที่ยงกว่า  ออกมาหาข้าวทานที่ Bugis ค่ะ
และก็เสี่ยงเซียมซี  ขอพรกับเจ้าแม่กวนอิม ที่วัด kwan im thong hood cho ค่ะ
ใครมา MRT ก็ ลงสถานี Bugis Exit C ค่ะ  

จากนั้นเปลี่ยนแผนไป Jewel เดี๋ยวนั้นเลย ตอนแรกจะแวะวันกลับ แต่นั่งAir asia ซึ่งอยู่เทอมินอล 4 ต้องต่อ shuttle bus ไปก็เลยไม่อยากแบกกระเป๋าไปมา เลยไปตอนนี้เลยค่ะ

นั่ง MRT ไปลงที่สนามบิน Changi เลยค่ะ
ถึงแล้ว เดินตามป้ายไปเลย 


จากเทอมินอล2 เดินไป Jewel ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีค่ะ
 Jewel อยู่นู่น


เดินเข้ามาแล้ว คึกคักค่ะ ผิดกับเมื่อวานที่เรามาตอนหกโมงเช้า ฮ่าๆ
น้ำตกนี้สูงถึง 40 เมตรเลยนะคะ
ด้านในก็เหมือนห้าง มีร้านขายเสื้อผ้า มี Tokyu hand มีร้านอาหาร มีStarbuck
ส่วนช่วงค่ำมีโชว์ที่น้ำพุด้วยค่ะ แต่เราอยู่ไม่ถึงค่ำ 
เดินเล่น ตากแอร์ ถ่ายรูป จิบชามะนาว อยู่ในนี้จนถึงเย็นค่ะ 


ออกมาจาก Jewel ห้าโมงกว่าค่ะ จะไปชิวบนดาดฟ้าชั้น 50 ของตึก Pinnacle@Duxton
จากสนามบิน นั่งยาวๆมาลง MRT Outram Park ได้เลยค่ะ 

มาถึงหกโมงกว่าๆ เจ้าหน้าที่พักเบรคค่ะ กลับมาอีกที หกโมงครึ่งก็เลยรอแถวนั้นค่ะ 
ค่าขึ้นตึก คนละ 6 เหรียญค่ะ ถูกกว่าชั้น 56 ของตึกเรือ Marina bay sands แล้วก็คนไม่เยอะวุ่นวายค่ะ

ขึ้นมาแล้ว^^


อีกมุม


สามารถเข้าไปอ่านรีวิว สถานที่เที่ยวต่างในสิงคโปร์ที่เราเคยไปได้ที่ >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2018/05/review-2018-by-journey-of-arrow.html

ชิวอยู่บนนี้ถึงสองทุ่มกว่า หิวข้าวก็เลยไปหาข้าวทานค่ะ จากนั้นก็ไปชิวริมอ่าวมารีน่า
แล้วก็นั่งรถเมล์กลับ hostel ค่ะ

วันสุดท้าย จะกลับแล้ว
เช็คเอาท์ตอนเที่ยง เอากระเป๋าฝากไว้ที่โฮสเทล  แล้วก็ไปกินข้าวก่อน จากนั้นนั่งรถเมล์ไปตึก Suntec
ไปสัมผัสน้ำพุ เอาฤกษ์เอาชัยหน่อย ช่วงบ่ายน้ำพุเปิด ช่วงบ่ายสองถึงบ่ายสี่โมงนะคะ

อากาศยังร้อนตอนบ่ายๆเลยเดินจากตึกSuntec เลาะอ่าวมารีน่า ไปจิบชาเขียวที่สตาบัคซะหน่อย
บ่านวันเสาร์ ที่สาขานี้คนเยอะเชียวค่ะ สั่งชาเขียว พนักงานคนสิงคโปร์ ถามว่า "เย็น or ปั่น"
เราก็ตอบไปว่า "ปั่น" ฮ่าๆ คนไทยมาเที่ยวเยอะค่ะ พนักงานสื่อสารภาษาไทยได้ 

วิวจากสาขาที่เรามาใช้บริการค่ะ 


จิบจนหมด แดดร่มลมตก ยังไม่ได้เวลาไปสนามบิน ก็เลยนั่งรถเมล์ไป Garden by the bay ค่ะ
เดินผ่านเมอไลออน


ถ่ายรูป นั่งเล่นที่ Garden by the bay แล้วก็เดินไปแถวอ่าวมารีน่าค่า


Marina bay


ห้าโมงกว่าๆ ก็นั่งรถเมล์กลับไปเอากระเป๋าที่โฮสเทลค่ะ แล้วก็นั่ง MRT ไปสนามบิน
อย่าลืมคืนบัตร SG tourist pass นะคะ ได้ค่ามัดจำบัตร 10 เหรียญค่ะ  ฮี่ๆ ค่าข้าวเย็นนี้

จากเทอมินอล2 ให้ลงบันได้เลื่อนมาที่ชั้นล่างที่เป็น Arrival hall นะคะ 
จะมี shuttle bus รับ-ส่ง ที่เทอมินอล 4 

รอตรงนี้


จากเทอมินอล 2 นั่งมาไม่ถึง 10 นาทีค่ะ รถมาจอดด้านหน้าเลย เดินเข้ามาคือเช็คอินได้เลย


เพิ่งทุ่มกว่าๆ ไปหาข้าวทานกันค่ะ 
ฟู้ดคอร์ทจะอยู่ด้านบนนะคะ ขึ้นบันไดเลื่อนไปเลย


ได้ชาก๋วยเตี๋ยวมาค่ะ ^^ ไปปีนังตอนต้นปี ไม่ได้กิน 



กินเสร็จ นั่งย่อยซะหน่อย แล้วก็เข้าเกทค่ะ ได้ใช้ Auto gate ทำเองหมดเลย 
ใช้ง่ายไม่ยากค่ะ  คืนนี้หวยออกที่เกท G1 ค่ะ ใครได้เกทนี้ เผื่อเวลาหน่อยนะคะ 
เพราะไกล ฮ่าๆ  ตามป้ายไป

G1 สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น ใครสูบบุหรี่ก็มี smoking area ก่อนถึงเกทค่ะ


นั่งรอแถวนี้ก่อน หน้าเกทคนเยอะ ไม่มีที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ค่ะ


ดีเลย์นิดหน่อยค่ะ ตามตารางต้องมาถึงไทย ห้าทุ่มครึ่งก็เลยจองไฟลท์นี้ 
มาถึงจริงๆเกือบเที่ยงคืน ไหนจะ bus gate อีก ไม่ทันรถ A1 ค่ะ รถหมดเที่ยงคืน
มีแต่แท็กซี่ ใครไม่พร้อมจ่ายค่าแท็กซี่ ก็เลือกไฟลท์มาถึงดอนเมืองอย่าดึกมากนะคะ ^^

สรุปค่าใช้จ่าย ทริปนี้

ค่าตั๋วไป-กลับ 3,834 บาท
ค่าประกันเดินทาง 149 บาท
ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าที่พัก เราแลกไป 220 SGD
เหลือก่อนขึ้นเครื่องประมาณ 3 เหรียญกว่าๆ 
เราไปหยอดตู้บริจาคหมดเลยค่ะ 

220*22 = 4840 บาท

ทั้งหมด 8,823 บาทค่ะ

ทริปนี้เหมือนพักผ่อน มากกว่าค่ะ ไม่ได้จัดโปรแกรมหนัก เพราะมาแบบโนแพลนจริงๆ ฮ่าๆ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังไปสิงคโปร์นะคะ ^^ 
รวมรอบนี้เราไปสิงคโปร์มา "6 รอบ"แล้วค่ะ 

เผื่อมีคำถามสงสัย แวะไปสอบถามได้ที่เพจนะคะ >> https://www.facebook.com/Journeyofarrow/
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า