แบกเป้เที่ยวฮ่องกงสุดมันส์ 4 วัน 3 คืน Part 1

สวัสดีค่ะ

ไปเที่ยวกลับมา มีรีวิวทริปส่งท้ายปี2016มาฝากค่ะ  เดินทาง 13-16 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมานี่เอง
สำหรับรอบนี้เป็นการเดินทางไปฮ่องกงครั้งที่ 3 ของเราแล้วค่ะ โดยโปรแกรมหลักๆที่ต้องไปคือ Ocean Park ไปปีนเขาที่ Dragon's Back และไหว้พระที่วัดกังหันค่ะ

ตอนที่ 2.1 Dragon's Back & Big Wave bay >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/12/4-3-part-21-dragons-back-big-wave-bay.html
ตอนที่ 2.2 นั่งรถราง & ชมวิวเดอะพีค >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/12/4-3-part-22.html
ตอนที่ 3 ตะลุย Ocean Park >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/12/4-3-part-3-ocean-park.html
ตอนที่ 4 Last day in Hong Kong (Nan Lian Garden/วัดกังหัน/ ชมวิวฟรีชั้น55 ตึกIFC Mall/ทานราเมงข้อสอบ Ichiran สาขาCausewaybay พร้อมสรุปค่าใช้จ่าย) >>  http://journeyofarrow.blogspot.com/2017/01/4-3-part-4-last-day-in-hong-kong.html

แวะไปคุยกันได้ที่ >> https://www.facebook.com/Journey-of-Arrow-1161356250559423/



สำหรับการเดินทางในทริปนี้เราใช้บริการของสายการบิน Hong Kong Airlines ค่ะ เนื่องจากมีตั๋วโปรโมชั่นมาในช่วงที่เราต้องการเดินทางพอดี นั่นคือช่วงธันวา เพราะตั้งใจจะไปสัมผัสอากาศหนาวนั่นเองค่ะ
สำหรับราคาตั๋วไป-กลับอยู่ที่ 4200 บาท ค่ะ จองผ่านเว็บไซต์ของสายการบินโดยตรงได้เลย
http://www.hongkongairlines.com/en_HK/homepage จ่ายผ่านบัตรเครดิตไม่เสียค่าตัดบัตรเพิ่มค่ะ

สำหรับการเดินทางเข้าฮ่องกง ผู้ที่ถือพาสปอร์ตไทยสามารถเดินทางเข้าได้เลยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องมีอายุพาสปอร์ตเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

ส่วนการแลกเงินไปฮ่องกง เราไปแลกเจ้าประจำที่ร้านSuper rich สีเขียวแถวประตูน้ำค่ะ เรทที่ได้คือ
1 HKD = 4.60 บาท เราแลกไปประมาณหมื่นนึงค่ะ  (2200 HKD)
*ถ้าใครไม่มีเวลาไปแลก หรือต้องไปแลกที่สนามบิน แนะนำร้าน Value Plus ค่ะ อยู่ตรงชั้น B แถวห้องจำหน่ายตั๋วของ Airport Link ค่ะ

ส่วนปลั๊กไฟที่ฮ่องกงใช้แบบสามขาเหลี่ยมค่ะ ใครที่อุปกรณ์เยอะ แนะนำพกปลั๊กพ่วงไปด้วยค่ะ
ปลั๊กแบบนี้ใช้ได้ที่สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซียค่ะ



 เตรียมตัวจัดกระเป๋า เก็บของพร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ

DAY 1 สุวรรณภูมิ - ฮ่องกง

ไฟลท์เรา HX 761 ออกจากสุวรรณภูมิ 08.50 ค่ะ นั่งแอร์พอร์ตลิ้งค์มาถึงสนามบินเกือบ 7 โมง แวะไปบูธ AIS ก่อนค่ะ อยู่ชั้น 2 ขาเข้าระหว่างประตู 6-7 ไปซื้อซิมเน็ทก่อนค่ะ ในเว็บบอก 399 บาท ใช้ได้ 8 วัน
ถ้าไปซื้อที่สวุรรณภูมิจะ 400 บาทค่ะ ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ


จากนั้นก็ขึ้นไปชั้น 4 ไปรับบอร์ดดิ้งพาสค่ะ ก่อนบิน 1 วัน ทางสายการบินมีการแจ้งเตือนเช็คอินออนไลน์
มาในอีเมลค่ะ เราเช็คอินผ่านเว็บมาแล้วก็มารับบอร์ดดิ้งพาสได้เลย

บรรยากาศชั้น 4 เช้านี้


เคาท์เตอร์เช็คอินของฮ่องกงแอร์ไลน์ Row K


สำหรับขั้นตอนขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศที่สุวรรณภูมิสำหรับมือใหม่ สามารถดูได้ที่รีวิวนี้ค่ะ >>
http://iflytosky.blogspot.com/2015/02/blog-post_14.html

ผ่านตม. มาแล้ว ไปที่เกทเลยค่ะ วันนี้หวยออกที่เกท F5


เดินลงมาแล้ว


ลำนี้จะพาเราไปฮ่องกงค่ะ Airbus A330


เรียกขึ้นเครื่องมาแล้ว สำหรับรุ่นนี้จัดที่นั่งแบบ 2-4-2 ค่ะ ไฟลท์นี้ผู้โดยสารไม่เต็มลำค่ะ แต่ก็เยอะพอสมควร สำรวจกันเล็กน้อย

ด้านข้างบ้าง


มีจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่งค่ะ


ที่นั่งด้านหน้าเราบ้าง



พวกแม็กกาซีนต่างๆ กับ Safety card


คุณแอร์เริ่มเดินแจกหูฟังกับผ้าเช็ดมือค่ะ


ใบตม. ของฮ่องกง ได้มาเป้นแผ่นแบบนี้จะเป็นก็อปปี้อีก 1 แผ่น ให้เราเขียนไฟลท์กลับแล้วก็เซ็นชื่อเอาไว้ให้เจ้าหน้าที่ตม.ตอนขากลับค่ะ


จากนั้นก็เทคออฟ บ๊ายบายไทยแลนด์
แล้วคุณแอร์ก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร  คุยกับแอร์ไม่ค่อยรู้เรื่องเลยได้นี่มากิน ฮ่าๆ อะไรก็ไม่รู้อ่ะ ><


ทานเสร็จนั่งฟังเพลงเรื่อยเปื่อย เพลงไม่ค่อยเยอะนะคะ หนังก็ไม่เยอะ ไม่ค่อยมีใหม่ๆอัพเดท หูฟังเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่  แต่เครื่องใหม่ สะอาด การบริการโอเคเลย

นั่งมาสองชั่วโมงนิดๆ ก็ใกล้จะถึงฮ่องกงแล้วค่ะ ด้านล่างเป็นเกาะฮ่องกง


มาถึงสนามบินฮ่องกงแล้วประมาณ เที่ยงกว่าๆ ปรับเวลาให้เร็วขึ้นด้วยค่ะ ฮ่องกงเวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ

เดินไปตม.ค่ะ


ตามป้ายไปเลยค่ะ รอบนี้ต้องรถไฟไปตม. แต่ความฮามันอยู่ที่พอรถไฟจอดปุ๊บ เราเดินออกมา มันเป็น Transfer ค่ะ ไม่ใช่ขึ้นไป ตม. ฮ่าๆ ต้องมายืนรอรถไฟรอบถัดไปอีกค่ะ


ผ่านตม. ออกมาแล้วค่ะ รอบนี้เหมือนเดิม ตม.ไม่ถามอะไรเลย สำหรับเพื่อนๆที่กังวลแนะนำให้เตรียมตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองโรงแรม โปรแกรมเที่ยวต่างๆของเรา ผู้หญิงแนะนำแต่งตัวเรียบร้อยๆนิดนึงก็ดีค่ะ  เหมือนตอนลงจากเครื่อง จะมีเจ้าหน้าที่มารอสแกนเลย เห็นผู้หญิงคนนึงแต่งตัวค่อนข้างเซ็กซี่  มีเจ้าหน้าที่ขอเรียกดูพาสปอร์ตด้วย แต่เราไม่โดนเรียกนะคะ แต่งตัวธรรมดา เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ : ) แต่อันนี้ไม่ทราบจริงๆเหมือนกันว่าเรียกดูจากอะไร หรืออาจจะสุ่มก็เป็นได้

เดินออกมาเป็นโถงผู้โดยสารขาเข้า ต้องไปซื้อบัตร Octopus ค่ะ เป็นบัตรโดยสารเติมเงิน สามารถนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า เรือเฟอรี่ รถราง ซื้อของที่เซเว่น จ่ายค่าอาหารที่แมคโดนัลล์ก็ได้ค่ะ


บอกเจ้าหน้าที่เลยว่า Octopus ราคา 150 HKD ค่ะ ค่ามัดจำบัตร 50 ค่าโดยสารที่ใช้ได้จริง 100 HKD ค่ะ
หน้าตาบัตรเป็นแบบนี้

จากนั้นไปขึ้นรถบัสเข้าเมืองกันค่ะ ตอนแรกจองที่พักไว้แถวจิมซาจุ่ย แต่บัตรเครดิตตัดไม่ผ่าน ที่พักเลยอีเมลมายกเลิกการจองก่อนเราจะมา 2 วัน เราเลยต้องหาที่พักใหม่ เลยพักที่เดินที่มงก๊ก โทร.ไปถามคุณป้าที่ดูแลห้องพัก เค้าบอกว่ามีห้องว่างอยู่ ทริปนี้ก็เลยได้พักที่เดิมค่ะ

การเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินทำได้หลายแบบ ก่อนหน้านี้เราเคยใช้บริการแอร์พอร์ตเอ็กเพรสค่ะ
เร็ว สะดวกดี แต่แพงมาก ฮ่าๆ รอบนี้เลยจะนั่งรถบัส สาย S1 ไปลง MTRสถานี Tung chung แล้วต่อ MTR ไปลงมงก๊ก (Mong kok)ค่ะ

อันนี้แผนที่ของเรา ระบบแมนนวลมากๆ ฮ่าๆ


เดินตามป้ายไปขึ้นรถบัสกันค่ะ


เดินออกมาจาก Terminal แล้ว


ตรงไปเรื่อยๆจะเจอแผนผังที่จอดรถบัสค่ะ จะมีป้ายบอกว่า สายS1จอดตรงไหน เดินตามป้ายไปเลยค่ะ
ค่าโดยสารไป Tung chung 3.5 HKD เท่านั้น


เดินมาถึงจุดจอดรถบัสแล้ว อากาศตอนนี้ไม่หนาวค่ะ เย็นๆ ประมาณ 24-25 องศา
ยืนรอแป๊บเดียวรถก็มาค่ะ ตอนขึ้นก็แตะบัตร ตรงที่อ่านบัตรค่ะ แล้วก็หาที่นั่งได้เลย


นั่งมาประมาณ 15 นาทีรถก็มาจอดตรงแถวทางขึ้นกระเช้านองปิงค่ะ
ลงรถเมล์ที่ฮ่องกง ลงทางด้านหลังนะคะ ไม่ต้องแตะ Octopusอีกรอบ แตะแค่ตอนขึ้นครั้งเดียวพอ ^^
พอลงปุ๊บมองไปจะเห็นสัญลักษณ์ของสถานี MTR ค่ะ เดินไปเลย


เหมือนช่วงนี้ City gate outlet ปรับปรุงอยู่ค่ะ


ลงใต้ดินไปขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ บรรยากาศภายในรถไฟฟ้าตอนนี้


นั่งมาไม่นานมากก็มาถึงมงก๊กค่ะ เราพักที่ตึกSincereค่ะ  ออกทางออก D2 เดินตรงไป 2 บล็อคก็จะเจอทางเข้าตึก ตึกนี้คนไทยมาพักเยอะค่ะ มีโฮสเทลอยู่มากมายเลย


เราพักที่ City plus hostel ค่ะจะอยู่ชั้น 9 ลิฟท์เปิดออกมา มองไปทางขวามือก็เจอเลย คุณป้าที่ดูแลชื่อ Elies Taiค่ะ ใจดี เฟรนด์ลี่ ห้องคืนละ 300 HKDค่ะ บวกค่ามัดจำกุญแจอีก 100 HKD ได้คืนตอนเช็คเอาท์ค่ะ ห้องเล็ก(มาก) แต่สะอาดค่ะ มีน้ำอุ่น แชมพู สบู่ แอร์ มีกาต้มน้ำร้อนในห้องด้วยค่ะ ผ้าเช็ดตัวสามารถขอเพิ่มได้ฟรีค่ะ
** ถ้าใครไม่มีบัตรเครดิต สามารถมาพักที่นี่ได้ค่ะ แค่เมลมาจองกับคุณป้าแค่นี้เองค่ะ ตอบเมลเร็วด้วยค่ะ หรือจะโทร.มาจองแบบเราก็ได้ค่ะ รวมๆเราโอเคกับเงินที่จ่ายไป เพราะทำเลดีมาก ใกล้ที่กิน ใกล้รถไฟฟ้า กลับมาดึกๆไม่เปลี่ยวค่ะ  ตอนกลางคืนด้านล่างของตึก Sincere คึกคักมาก


กว่าจะได้เข้าห้องเกือบบ่ายสามโมง เนื่องจากปวดหัวตั้งแต่เช้าเลยขอนอนพักกก่อนค่ะ ออกมาอีกทีห้าโมงเย็นนู่นเลย เย็นนี้เราจะไปชมวิว ริมอ่าววิคตอเรียที่จิมซาจุ่ยค่ะ แล้วก็รอดูโชว์ Hong kong Pulse 3D light show ด้วยค่ะ จะมีต่อจากโชว์ Symphony of light

ลงMTR สถานีจิมซาจุ่ยค่ะ ใช้ทางออกเดียวกับโรงแรมเพนนินซูล่า เดินตรงมาเรื่อยๆจะเจอทางข้ามค่ะ
รอข้ามถนนไปอ่าววิคตอเรียค่ะ


ข้ามมาแล้ว เดินตามทางมาเรื่อยๆเลยค่ะ


เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจออ่าววิตตอเรียอยู่ตรงหน้า บรรยากาศดีมากกกกก


เริ่มมืดแล้วค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะแยะเลย


ถ่ายรูปเล่นสักพัก เดี๋ยวเดินไปฝั่งนู่นบ้างจะเจอกับ Clock Tower ค่ะ สำหรับโชว์SOL แนะนำขึ้นมาดูที่ชั้น 2 ตรงนี้ค่ะ ควรมาก่อนสองทุ่มนะคะ ถ้าอยากอยู่แถวหน้าสุด จบโชว์ SOL ก็รอชมโชว์ 3D Pulse light show ต่อได้เลยค่ะ มีถึงวันที่ 28 ธันวาคมนี้ค่ะ
*ถ้ามาเที่ยวที่อ่าววิคตอเรียแล้วอยากเข้าห้องน้ำ เดินเข้าไปตรง Hong Kong  Cultural Centre ขวามือตรงนี้เลยค่ะ


เดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอประตูกระจกซ้ายมือ


เข้ามาจะเจอห้องน้ำผู้ชายก่อน ส่วนห้องน้ำผู้หญิงต้องเดินต่ออีกนิดนึงค่ะ ห้องน้ำมีหลายห้องค่ะ สะอาดมากด้วย


เข้าห้องน้ำเสร็จ เดินไปดูหอนาฬิกานิดนึง ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก


เพิ่งจะทุ่มนึงค่ะ ยังพอมีเวลากลับมาดูโชว์เลยจะไปกินบะหมี่เกี๊ยวกุ้งในตำนาน ของย่านจิมซาจุ่ยซะหน่อย ชื่อร้าน Lung Kee เราอ่านว่า "ลังคี" ฮ่าๆๆ  แต่เห็นจริงๆอ่านว่า "หล่งเกย์" ค่ะ
การเดินทาง ลง MTR จิมซาจุ่ย ออก Exit D2 ค่ะ ร้านอยู่บนถนน Hart Avenue ค่ะ

ระหว่างทางเดินกลับไป MTR มีเรือสำเภาผ่านมา


รอข้ามถนนไป MTR โรงแรมเพนนินซูล่าเปิดไฟสวยมากเลยค่ะ


วันที่ไปทาน ทางออก D2 เหมือนปรับปรุงเลยต้องออก D1 แต่ไม่เป็นปัญหาค่ะ เดินตามป้ายหาถนน  Hart Avenue ให้เจอ  ที่ฮ่องกงมีป้ายบอกชื่อถนนอยู่ตลอดค่ะ หาไม่ยาก เดินมาไม่ถึง 5 นาทีก็หาร้านเจอค่ะ


เข้ามาแล้วบรรยากาศในร้านเป็นแบบนี้


เมนูของทานร้านค่ะ  เราสั่งเป็นบะหมีเกี๊ยวกุ้งกับโค้ก (บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ชามละ 30 HKD โค้กแก้วขวดเล็ก 9 HKDค่ะ)


รอสักพักก็ได้มาแล้ว อื้อหือ เกี๊ยวกุ้งลูกใหญ่มาก กัดเข้าไปแล้วกุ้งเนื้อแน่นมากๆ


ทานเสร็จก้กลับไปที่อ่าวิคตอเรียอีกครั้ง เพื่อรอชมโชว์
Symphony of light มีตอน 2 ทุ่มตรงค่ะ
ถ้าใครมาช่วงนี้แนะนำให้ขึ้นมาชมชั้น 2 ค่ะ
ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้ว


ขึ้นมาชั้น 2 แล้วค่ะ



จบการแสดง SOL เราก็รอชมโชว์ 3D pulse light show ต่อเลยค่ะ เป็นการแสดงแสง สี เสียง บนผนังตึกของ Hong Kong Cultural centre ค่ะ รอบภาษาอังกฤษ เวลา 20.20 น, ความยาวประมาณ 8 นาที เป็นธีมWinterfest ค่ะ มีถึงวันที่ 28 ธันวาคมนี้ค่ะ  โดยรวมสนุกกว่า SOL ค่ะเป็นแนวการ์ตูนๆ น่ารักดีค่ะ ^^


จบโชว์แล้วก็กลับมงก๊กไปพักผ่อนเลยค่ะ พรุ่งนี้มีโปรแกรมไฮไลท์นั่นคือไป hiking ที่ Dragon's Back ค่ะ
เนื่องจากส่วนตัวไม่ใช่สายชอปปิ้งค่ะ มาฮ่องกงเลยหาที่เที่ยวแนวธรรมชาติๆ เลยลองเสิร์ชในเน็ท ปรากฏว่าเป็นเส้นทางhiking ที่น่าสนใจมาก วิวสวยมาก อยากลองมาเดินบ้าง คนไทยไม่ค่อยมากันด้วยกันด้วยค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไป >ตอนที่2 Dragon's Back & Big wave bay>> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/12/4-3-part-21-dragons-back-big-wave-bay.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น