แบกเป้เที่ยวฮ่องกงสุดมันส์ 4 วัน 3 คืน Part 2.1 Dragon's Back & Big wave bay

Day 2 สำหรับวันที่สองของการเดินทาง
วันนี้เราจะไปปีน Dragon's back ค่ะ เนื่องจากส่วนตัวไม่ใช่สายชอปปิ้ง มาฮ่องกงเลยหาที่เที่ยวแนวธรรมชาติๆ จนมาเจอเส้นทางเดินเขา Dragon's back ซึ่งตั้งอยู่ในส่วน Southern ของฝั่งเกาะฮ่องกงค่ะ เดินทางง่าย และได้รับการโหวตจากนิตยสาร Time Asia ว่าเป็น "Best Urban Hiking Trail in Asia" ดูจากรูปในกูเกิ้ลสวยมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะไปปีน Dragon's Back กันค่ะ 





สำหรับเช้านี้ออกมาสายหน่อย มัวแต่ลำไยอะไรไม่รู้ การเดินทางไม่ยากค่ะ ให้นั่ง
MTR มาลงสถานี Shau Kei Wan ค่ะ สายสีน้ำเงิน  นั่งจากมงก๊กมาถึงแล้ว


เดินออกมาทาง Exit A3 ค่ะ ดูจากป้ายจะเป็น Bus Terminus (ทำไมไม่ใช้คำว่า Terminal ?? ใครรู้ช่วยบอกทีค่ะ ^^ )


เดินโผล่ขึ้นมาเป็นแบบนี้


นั่งรถเมล์สาย 9 ไป Shek O ค่ะ ก็เดินไปดูป้ายซิว่ารถเมล์จอดตรงไหน
รถเมล์สาย 9 จะจอดอยู่ที่ Row J ค่ะ เดินหา Row J เลย


โอ้โห นู่นไง Row J มีคนรอขึ้นรถเมล์เพียบเลย  สังเกตจากการแต่งตัวและอุปกรณ์ น่าจะไปปีน Dragon's back ค่ะ


เนื่องจากทางขึ้นเขาจะไม่มีของขาย เราเลยต้องหาทานข้าวเช้าไปก่อน

**สำหรับอุปกรณ์ในการเดิน ของเราพกขวดน้ำดื่มไปด้วยค่ะ ถ้าไปช่วงหน้าร้อนหรือไปเดินช่วงบ่าย แนะนำมีอุปกรณ์กันแดดด้วยก็ดีค่ะ พวกหมวก แว่นกันแดด ถุงแขน ครีมกันแดด ประมาณนี้ค่ะ
จะซื้อเสบียงพวกขนม ไปปิคนิคด้านบนด้วยก็ได้ค่ะ แต่เราพกแต่น้ำดื่มไปเพราะขี้เกียจแบกเยอะ ฮ่าๆ

ที่ Shau Kei Wan ติดภูเขาค่ะ วันนี้อากาศดีมาก หนาวๆ มีรถรางด้วยค่ะ เดี๋ยวตอนบ่ายเราจะนั่งรถรางจากที่นี่ไป Central ค่ะ เพื่อขึ้นรถเมล์ไปเดอะพีคในตอนเย็น


เดินวนไปวนมา เจอ KFC ค่ะ
เลยจัดมา 1 ชุด เพิ่มพลังกันก่อน เซ็ทนี้ 26.50 HKD ค่ะ


ทานเสร็จ 10 โมงพอดี  ก็เดินมาขึ้นรถเมล์สาย 9 ค่ะ
บรรยากาศบนรถเมล์ นั่งรอแป๊บเดียวรถก็ออกค่ะ จ่ายค่ารถด้วยบัตร Octopus เหมือนเดิม ค่ารถเมล์ 9.8 HKD ค่ะ สังเกตว่าหน้ารถมีป้ายเป็นตัวหนังสือวิ่งด้วยค่ะ ของเราลงป้าย To Tei Wan
เพื่อความแน่ใจตอนแตะบัตร Octopus เราบอกกับคนขับด้วยว่า "To Tei Wan...Dragon's Back "
เค้าจะได้จอดให้เราค่ะ


นั่งมาประมาณ 15 นาทีก็มาถึงทางขึ้นเขาค่ะ สำหรับเราจะเดินจากหัวไปหางมังกรค่ะ ส่วนใครสายโหด ต้องการเก็บความสวยงามไว้ชมทีหลัง ก็สามารถเดินจากหางไปหัวมังกรได้ค่ะ

รถเมล์จะขึ้นเขามาเรื่อยๆ พอถึงแยกรถจะเลี้ยวมาทางซ้ายค่ะ ใครอยากเดินจากหางไปหัว ให้ลงรถเมล์ป้ายแรกตรงนี้เลยค่ะ (ป้าย Cape Collision (Tai Tam Gap)) จะเป็นทางขึ้นจากหางไปหัว


แต่เราจะเดินจากหัวไปหางค่ะ ให้ลงที่ป้าย To Tei Wan ค่ะ
มาถึงแล้ว คนลงเพียบเลย


มองไปฝั่งตรงข้ามบ้าง


ป้ายทางขึ้น Dragon's Back



ตรงนี้มีห้องน้ำด้วยนะคะ สามารถทำธุระให้เสร็จก่อนขึ้นไป ข้างบนไม่มีห้องน้ำค่ะ มีอีกที่นึงคือทางลงนู่นเลย


หลังจากถ่ายรูปตรงป้ายเสร็จเรียบร้อย เราก็ทำการเดินขึ้นเขาค่ะ เริ่มเดินตอน 10.45 น. ค่ะ
ทางขึ้นช่วงแรกจะเป็นหินๆกับต้นไผ่ค่ะ


เดินมาไม่ถึง 5 นาที ก็เริ่มโล่งแล้วค่ะ


เจอแต่ดอกไม้สีขาวอันนี้ตามทางค่ะ ไม่รู้เรียกดอกอะไร


เริ่มเห็นทะเลแล้ว


เดินขึ้นมามีหินก้อนใหญ่ สลับกันไป


ทางเดินแบบเรียบก็มีเหมือนกันค่ะ


หลังจากดีใจได้ไม่นานก็เจอทางเป็นบันไดชันมาก และสูงมาก ฮ่าๆ
แอบหอบเล็กน้อย แต่อากาศเย็นสบายมากๆเลยค่ะ


ขึ้นมาแล้วเดินมาเรื่อยๆก็จะเจอวิวนี้


อันนี้ลูกอะไรก็ไม่รู้ เหมือนจะกินได้ด้วย(รึเปล่าน๊า ^^)


เดินมาเรื่อยๆจะเจอศาลาน้อยค่ะ ถ้าเห็นศาลาดีใจได้เลย ใกล้ถึงข้างบนแล้ว



สามารถพักเหนื่อยที่ศาลาได้ค่ะ ส่วนทางขึ้นก็ขวามือเลยค่ะ มีป้ายเล็กๆบอกทางอยู่


นั่งพักแป๊บเดียว ประมาณ 5 นาทีก็เดินขึ้นไปข้างบนต่อค่ะ จากจุดนี้ไปเกิน 5 นาทีเราจะได้เห็นวิวของ Shek O Beach แล้วค่ะ


แถ่แด๊นนน !!! เจอแล้ววว Shek O Beach ได้มายืนจริงๆมันฟินมากค่ะ วิวสวยมาก อากาศก็ดี
แนะนำมาเดินช่วงหน้าหนาวค่ะ


จากนั้นก็เดินเลี้ยวซ้ายไปตามทาง เพื่อไป Shek O Peak


เดินมาเรื่อยๆ พอมองหันหลังกลับไป เจอคนเยอะเลยอยู่ตรงยอดเขาฝั่งนู่น  นึกว่าตัวเองมาผิดทางค่ะ
นึกว่า Shek O Peak อยู่ฝั่งนู้น เลยเดินย้อนกลับหามวลชนที่อยู่บนยอดเขาฝั่งนู้นค่ะ


เดินมาถึงแล้ว ปรากฏว่าตรงนี้ไม่ใช่ Shek O Peak ค่ะ เพราะไม่เห็นมีป้ายบอกว่าเป็น Shek O Peak ฮ่าๆๆ
ทางที่เราเดินมาตอนแรกอ่ะ ถูกแล้ว  แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่ามาดูวิวอีกฝั่งละกัน ^^


หันหลังกลับมาดูฝั่งนี้บ้าง


ถ่ายรูปจากจุดนี้เสร็จก็เดินต่อค่ะ เพื่อไป Shek O Peak


เดินตามทางมาเรื่อยๆ วิวก็เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมุม


มองหันหลังกลับไป อื้อหือ เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร > <


เดินไปเรื่อยๆ จะเจอบันไดค่ะ ค่อนข้างชัน


และแล้วก็  แถ่แด๊นนน !!! ถึงแล้ววววววววววว



Shek O Peak อยู่ตรงนี้เองค่ะ


อากาศดีมากกกก วิวจาก Shek O Peak ค่ะ
มองไปทางขวา


มองไปทางซ้ายค่ะ


ถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเดินลงค่ะ แต่ไม่ได้กลับเลย
เราจะเดินไป Big wave bay กันต่อค่ะ

**ใครที่ไม่อยากเดินต่อแล้ว สามารถเดินย้อนกลับทางเดิมได้เลยค่ะ ลงมาถึงข้างล่างก็ข้ามถนนไปรอรถเมล์สาย 9 ฝั่งตรงข้าม นั่งกลับ MTR Shau Kei Wan ได้เลยค่ะ ใช้เวลาไป-กลับจากข้างล่าง ถึงShek O Peak ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก แต่อยากขึ้นมาชมวิวสวยๆ

เอาล่ะค่ะ เราเริ่มเดินลงแล้ว ทางลงเป็นขั้นบันได


เดินตามทางไปเรื่อยๆเลย ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว


เดินมาเรื่อยๆจนกว่าจะเจอป้ายนี้ค่ะ ใครไม่ไป Big wave Bay ก็เลี้ยวซ้ายเลยค่ะ
ส่วนใครที่จะไป Big wave bay ให้เดินต่อไปทางขวาค่ะ


เดินตามทางมาเรื่อยๆ มีน้ำตกน้อยๆด้วยค่ะ น้ำเย็นมาก


เดินตามทางมาไกล พอสมควรเลย จนเจอป้ายนี้ค่ะ


ถ้าจะเข้าห้องน้ำก็ฝั่งซ้ายมือเลยค่ะ เท่าที่เดินลงมาก็มีคนเดินสวนกับเรานะคะ เหมือนเค้าเดินจากหางไปหัวค่ะ ใครเดินจากหางไปหัวต้องกำลังใจดีมากๆเลยนะคะ เพราะระยะทางกว่าจะถึง Shek O Peak ไกลมากๆ ทางชันมาก เพราะต้องเดินขึ้นค่ะ ^^

จากป้ายนี้เราเลี้ยวขวาไป Big wave bay ต่อค่ะ


ทางเริ่มดีแล้วค่ะ เป็นทางปูน เงียบสงบ ไม่เปลี่ยวนะคะ ไม่รู้สึกว่าน่ากลัวตรงไหน


เดินมาไกลเหมือนกัน จนเจอศาลาขอนั่งพักเหนื่อยแป๊บ


วิวจากจุดนี้ค่ะ


หายเหนื่อยแล้วเดินต่อ เดินไปเรื่อยๆเจอ เหมือนเค้ากำลังเจาะถนน ไม่รู้ผ่านได้รึเปล่า แต่มันก็ไม่มีทางอื่นแล้ว เลยเปิดกูเกิ้ลดู ป้ายนี้แปลว่า "ทางเดินเท้า" แสดงว่าเราเดินผ่านได้ ได้คำศัพท์เพิ่มอีกแล้ว ^^


เดินมาเรื่อยๆ จนเจอศาลาน้อยอีก


ตามป้ายมาเลยค่ะ


เดินเลยศาลา ตรงมาจะมีป้ายเล็กๆเป็นบันไดทางลงไป Big wave bay ค่ะ


จากตรงนี้เราได้ยินเสียงดีใจมาจากทางด้านบนค่ะ มีฝรั่งสามคน เพิ่งเดินลงมาจากบนเขา เหมือนเค้าดีใจที่เจอทางลง Big wave bay เลยชวนคุย พวกเค้ามาจากนิวยอร์คค่ะ ดูปลื้มมากกับเส้นทาง Dragon's back บอกว่าวิวสวยดี เป็น Best trail ยังไงยังงั้นเลย^^
เราเมื่อยเลย พักแป๊บนึง ให้เค้าเดินลงกันไปก่อน แอบถ่ายสามหนุ่มสามมุม อิอิ


หายเมื่อยแล้วเดินลงบันไดไปอีกค่ะ ไม่ได้มีบันไดปูนตลอดทางนะคะ แค่ช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นเส้นทางปกติ  เดินไปเรื่อยๆ เจอป้ายมีรูปสุนัขค่ะ เราอ่านป้าย แปลไม่ออกเท่าไหร่ เราแปลเองได้ความว่า มีหมาตัวใหญ่หนัก 20 กิโลอยู่ตรงทางข้างหน้า น่าจะให้ระวัง เราก็ เฮ้ย! มีหมาด้วยเหรอ อ่านรีวิวคนอื่นไม่เห็นมีบอกเลยว่าจะเจอหมาตัวใหญ่หนัก 20 กิโล (ในป่าน่าจะไม่มีสัญญาณค่ะ เปิดกูเกิ้ลไม่ได้)
บวกกับ มีฝรั่งผู้ชายคนนึงเดินตามหลังเรามา เค้าเห็นป้าย แล้วเค้าก็เดินย้อนกลับไป ทำให้เราคิดว่า เค้าต้องกลัวหมาแน่ๆ > < แต่เพื่อความชัวร์เลยถามเค้าดีกว่า ว่าตกลงป้ายนี้มันแปลว่าอะไรกันแน่
เค้าบอกว่า มันน่าจะแปลว่า ถ้าคุณมีหมาตัวใหญ่หนัก 20 กิโล ต้องมีเชือกผูกคอหมามาด้วยนะ อะไรประมาณนี้ เราก็ไม่เก่งอังกฤษนะคะ แหะๆ > <

สรุปเราไม่มีหมามาด้วย เราเดินต่อไปได้  เลยชวนเค้าคุยค่ะ เป็นคนสวีเดน คุยไปคุยมาเค้าบอกว่า"เป็นนักบิน" ของสายการบินยุโรปแห่งหนึ่ง โอ้ว! ไม่คิดว่าจะได้เจอนักบินนะเนี่ย เราชวนคุยเพลินเลยค่ะ ฮ่าๆๆ

เดินกันลงมาเรื่อยๆ เจอทางปูนอีกแล้ว เริ่มเห็นเป็นบ้านคนแล้วค่ะ ใกล้ถึงแล้ว


เจอบ้านคนแล้ว เดินตามทางมาเลยค่ะ


มีป้ายบอกทางตลอด


จนเจอบอร์ดสีน้ำเงิน เดินตามมาเลย


เดินผ่านสนามเด็กเล่นมาก็จะเจอทางลงหาดค่ะ 


Hello !!!!!!!!!! Big wave bay !!!!!!! ^^ มาถึงที่นี่ 14.45 น. ค่ะ
ใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง !! *O*


หาดสะอาดค่ะ ทรายขาว คลื่นแรงมาก จะมีฝรั่งมาเล่นเซิร์ฟบอร์ดค่ะ ไม่เจอคนไทยเลยค่ะ 
อยากเดินไปเหยียบน้ำทะเลซะหน่อย แต่ใส่ผ้าใบมาค่ะ เดี๋ยวทรายเข้ารองเท้า 


ที่ชายหาดมีห้องน้ำให้เข้าด้วยค่ะ สะอาดมากด้วย


ริมชายหาดมีร้านขายอาหาร/เครื่องดื่มด้วยค่ะ ของเราจัดมาเป็นน้ำแอปเปิ้ลเย็นๆ 1 กล่องค่ะ (กล่องนี้ 7 HKD ค่ะ ^^ )


นั่งพัก ดูฝรั่งเล่นเซิร์ฟไปค่ะ 


หายเหนื่อยแล้ว เริ่มเย็นแล้ว ยังมีโปรแกรมนั่งรถรางไป Central เพื่อนั่งรถเมล์ต่อไปชมวิวที่เดอะพีคอีกค่ะ ขากลับจาก Big wave bay ให้เดินกลับมาทางเดิมจนเจอแยกนี้


เลี้ยวซ้าย เดินไปตามทางเรื่อยๆค่ะก็จะเจอรถมินิบัสจอดอยู่ จะไปส่งที่ MTR Shau Kei Wan ค่ะ ค่ารถ 10 HKD ค่ะ จ่ายเป็นเงินสดค่ะ


นั่งมาประมาณ 15 นาทีก็มาถึง MTR Shau Kei Wan ค่ะ เดี๋ยวเราจะทานข้าวที่นี่ก่อนแล้วนั่งรถรางไป Central ค่ะ สำหรับ Dragon's Back เป็นเส้นทางเดินเขาที่เราประทับใจมากค่ะ วิวสวยมาก ทางเดินไม่ยากมากค่ะ เด็กตัวเล็กๆ คนสูงอายุ มาเดินได้หมดค่ะ สามารถมาคนเดียวได้ ความรู้สึกของเราไม่เปลี่ยวเท่าไหร่ จะเดินสวนกับคนอื่นๆอยู่ตลอดทาง บางทีก็จะเจอคนที่เค้าเดินจากหางมาหัว แต่แนะนำควรมีบัดดี้มาด้วยจะดีกว่าค่ะ ถ้ามีเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกันได้ ^^
ควรมาเช้าๆนะคะ แดดจะได้ไม่ร้อน อากาศดีมากด้วย
และตลอดทางตั้งแต่นั่งรถเมล์มาจาก MTR จนนั่งมินิบัสกลับ เราไม่เจอคนไทยเลยค่ะ ใครมาฮ่องกงอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ลองมาเดิน Dragon's back กันได้นะคะ ^^ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่มองหาที่เที่ยวแนวธรรมชาติๆในฮ่องกงค่ะ

โปรดติตตามตอนต่อไป Part 2.2 นั่งรถราง & ชมวิวเดอะพีค >> http://journeyofarrow.blogspot.com/2016/12/4-3-part-22.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น